ในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นมนุ ษย์มีการบันทึกหลายๆสิ่งหลา ยๆอย่างลงในประวัติศาสตร์ จารึกสิ่งที่เขาต้องการสื่อ ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที ่ได้จารึกให้คนรุ่นหลังได้ร ับรู้คือ มหากาพย์ที่เก่าแก่ที่สุดขอ งมวลมนุษย์ชาติ มหากาพย์กิลกาเมซ
เนื้อหาทั้งหมดนี้นั้นผมอ้า งอิงประวัติศาสตร์ตามความเข ้าใจของผมเอง โดยไม่มีความเกี่ยงข้องกับต ัวละครในเกม
มหากาพย์นี้กล่าวถึงนครอุรุ ค(บริเวณแม่น้ำยูเฟรทีส ประเทศอิรักในปัจจุบัน)คาดว ่ากิลกาเมชอาจจะเป็นผู้ปกคร องที่มีตัวตนจริงในอดีตระหว ่างราชวงศ์ที่ 2 ของยุคต้นของสุเมเรีย (ประมาณ 2,700 ปีก่อนคริสตกาล) โดยมีการพูดถึงวีรบุรุษผู้ย ิ่งใหญ่ที่สุดของหนึ่ง ราชันย์ที่เหนือกว่าราชันย์ ทั้งปวง กิลกาเมซ ผู้มีสายเลือดของเทพเจ้า อันนี้มักจะเป็นปกติของมนุษ ย์ที่มักจะยกให้กษัตริย์ของ พวกเขามีศักดิ์เป็นเทพหรือไ ม่ก็มีเชื้อสายของเทพเจ้า ซึ่งเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะ แถบเอเซีย กิลกาเมซมีบิดาเป็นมนุษย์ส่ วนมารดานั้นเป็นเทพ ซึ่งบางที่ก็อ้างไว้ว่าบิดา ของกิลกาเมซเป็นครึ่งเทพ ดังนั้นจึงเรียกได้ว่ากิลกา เมซมีสายเลือดเทพอยู่ในกายถ ึง 2/ 3 ส่วน กิลกาเมซนั้นเป็นราชาผู้ทรงพลั ง เปี่ยมด้วยปัญญา และมัวเมาเรื่องกามรมณ์เป็น อย่างมาก พระองค์ใช้เวลาในแต่ละวันไป กับการหาสาวงามมาสนองตัณหาข องตัวเอง โดยไม่ละเว้นว่า หญิงสาวผู้นั้นจะเป็นสาวโสด หรือมีคู่ครองแล้ว
ด้วยเหตุนี้บรรดาปวงชนผู้ทุกข์ร้อนจึงพ ากันไปอ้อนวอนต่อเทพเจ้าให้ จัดการกับกิลกาเมช เหล่าเทพจึงมีมติให้กำราบมน ุษย์ครึ่งเทพนี้ซะ โดยการให้เทพีอารารูปั้นดิน เหนียวเป็นรูปบุรุษผู้หนึ่ง โดยให้นามว่า เอ็นคิดู โดยเทพเจ้าได้นำความป่าเถื่ อนของสัตว์ป่าทุกชนิดใส่ลงไ ปในตัวของเอนคิดูเพื่อให้เข าทรงพลังพอที่จะจัดการกับกิ ลกาเมชได้
แต่เรื่องก็ไม่เป็นดังที่ทว ยเทพหวังสักเท่าใดนัก เพราะเนื่องจากเทพเจ้ายังหว ังให้เอนคิดูมีความดิบเถื่อ นมากกว่าตอนสร้างขึ้น จึงส่งเอนคิดูมาอยู่กับบรรด าสัตว์ป่าในป่านอกเมืองอูรุ ก ซึ่งเอ็นคิดูได้ใช้พลังของต นปกป้องสัตว์เหล่านั้นจากสั ตว์นักล่าและนายพราน แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเอาชนะเ อนคิดูได้ ดังนั้นนายพรานจึงได้ร่วมกั นวางอุบายให้เอนคิดูออกจากป ่า โดยพากันไปว่าจ้าง แซมฮัต ยอดหญิงนครโสเภณีประจำเทวาล ัยแห่งอูรุกให้ไปล่อลวงเอ็น คิดูออกมา เมื่อเอ็นคิดูหลงในบ่วงสวาท ของเธอ เธอจึงชักชวนเอ็นคิดูเข้าเม ืองและนำเขาไปรู้จักการใช้ช ีวิตแบบชาวเมืองทำให้เอนคิด ูไม่กลายเป็นดังเช่นที่เหล่ าทวยเทพหวัง
กิลกาเมซเองก็ไม่มีวีแววว่า จะเลิกทำในสิ่งที่ไม่สมควร เมื่อได้ยินข่าวว่ามีคนจะแต ่งงานเจ้าตัวก็ดิ่งไปที่งาน เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในการน อนกับเจ้าสาวในคืนแรกตามเคย เรื่องนี้ได้ยินไปถึงหูของเ อนคิดูเช่นกัน เขาไม่พอใจในการกระทำของกิล กาเมซเป็นอย่างมากจึงรีบตรง ดิ่งไปที่งานและเข้าขัดขวาง กิลกาเมชไม่ให้กระทำการอันน ่าบัดสี ทั้งสองได้ต่อสู้กันแต่จนแล ้วจนเล่าก็ไม่มีใครเอาชนะได ้เสียที หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำ ให้กิลกาเมชประทับใจเอ็นคิด ู และได้ชวนมาเป็นสหายของตน หลังจากนั้นทั้งสองก็กลายเป ็นสหายที่สนิทสนมกันมากที่ส ุด มิตรภาพทำให้กิลกาเมชเปลี่ย นไป กษัตริย์หนุ่มทรงเลิกพฤติกร รมร้ายกาจที่เคยทำจนหมดสิ้น และด้วยคำแนะนำของเอ็นคิดู พระองค์ได้หันมาใส่พระทัยกั บการดูแลบ้านเมือง จนนครอูรุกเจริญรุ่งเรืองแล ะประชาชนต่างพากันแซ่ซ้องสร รเสริญในคุณงามความดีของราช ากิลกาเมช
ประชาชนทั่วทั้งนครพากันมีค วามสุขภายใต้การปกครองของรา ชากิลกาเมซ แต่กิลกาเมชกลับเริ่มรู้สึก เบื่อหน่ายชีวิตที่สงบสุขนี ้ พระองค์ปรารถนาที่จะแสวงหาค วามตื่นเต้นในชีวิต พลันนึกถึงเรื่อง อสูรฮูวาวากับป่าซีดาร์ขึ้น มา จึงได้ตรัสชวนเอ็นคิดูเดินท างไปยังป่าซีดาร์แห่งทิศตะว ันตกเพื่อเผชิญหน้ากับอสูรฮ ูวาวาและสร้างเกียรติภูมิที ่ไม่มีผู้ใดเคยทำมาก่อน ทั้งสองออกเดินจากนครอูรุกโ ดยปราศจากผู้ติดตามและหลังจ ากเดินทางเป็นเวลานับเดือนก ็มาถึงเขตป่าซีดาร์ยักษ์ของ อสูรฮูวาวา หลังจากนั้นพวกเขาก็ช่วยกัน โค่นต้นซีดาร์ลงเพื่อท้าทาย จอมอสูรให้ปรากฏตัว เมื่อสังหารจอมอสูรลงได้แล้ ว กิลกาเมชกับเอ็นคิดูก็ช่วยก ันโค่นป่าซีดาร์จนราบเรียบ ชัยชนะในครั้งนี้ส่งผลให้ชื ่อเสียงของทั้งคู่เลื่องลือ ระบือไกล จนแม้ทวยเทพบนสรวงสวรรค์ก็ย ังรับรู้
เทพีอิชทาร์ทรงได้ยินเรื่องราวความกล้าหาญของราชากิลกา เมชพระนางจึงเสด็จลงมาเพื่อทอด พระเนตรราชาหนุ่มและเมื่อได ้เห็นแล้วองค์เทพีก็บังเกิดความเสน่ห าในตัวกิลกาเมช เทพีอิชทาร์ได้ขอแต่งงานกับกิลกาเมชทว่ากิลกาเมชนั้นกลับปฏิเสธไม่ใยดี เขาได้อ้างถึงสาม ีคนก่อนของเทพีอิชทาร์ที่พา กันพบกับความวิบัติเมื่อนาง สิ้นความเสน่ห์หาและกิลกาเมซก็ยังบอกไปอีกว่าหากเขาได้แต่งงานกับนางสักวันเขาก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างกับคู่ครองคนอื่นของเทพีอิชทาร์ การปฎิเสธของกิลกาเมซนำความโกรธและอับอายมาแด่เทพี อิชทาร์ด้วยความเดือดดาลนางจึงเสด็จไป เข้าเฝ้าเทพอนูผู้เป็นพระบิดาของพร ะนางเพื่อขอให้เทพอนูลงโทษราชามนุษย์ผู้โ อหังคนนี้ เมื่อได้ยินถึงความโอหังของราชา กิลกาเมซเทพอนูจึงได้ส่งวัว สวรรค์ลงมาเพื่อสังหารกิลกา เมชและทำลายนครอูรุกให้สิ้น ซาก วัวยักษ์ได้ทำลายนครอุรุกจน เสียหายยับเยิน ทว่ากิลกาเมซกับเอนคิดูสหายรักกลับยืนหยัดสู้กันเพียงสองคนโดยมิได้เกรงกลัวสัตว์เทวะที่ถูกส่งมา ทั้งคู่ได้รบเคียงบ่าเคียงไ หล่กันจนสังหารวัวสวรรค์จนสิ้นฤทธิ์จากนั้นก็ได้ชำแหละมันเป็นชิ้นแจกจ่ายไปทั่วเมืองเพื่อฉลองความสำเร็จ นั่นยิ่งทำให้เหล่าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เกิดโทสะเข ้าไปอีก เมื่อเทพเจ้าทั้งหมดได้ตัดสินแล้วว่าเอนคิ ดูนั้นมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดพวกเขาจึงให้ บทเรียนที่ราคาแพงแก่ราชากิลกาเมช โดยบทเรียนนี้ก็คือความตายข องสหายรักของกิลกาเมซ
ความตายของสหายรักทำให้กิลก าเมชเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ ่ง แน่นอนว่าบทเรียนจากเหล่าทว ยเทพนี้ทำให้กิลกาเมซตระหนั กได้ถึงความตาย ทรงกลัวว่าตัวเองจะตายเช่นเ ดียวกับสหายรัก เมื่อคิดได้เช่นนี้จึงได้ตั ดสินใจออกเดินทางไปยังต้นน้ ำแห่งแม่น้ำทั้งมวลของโลก เพื่อค้นหา อุชนาปิชติม มนุษย์ผู้รอดตายจากเหตุการณ ์น้ำท่วมโลกและได้รับพรจากเ ทพเจ้าให้เป็นอมตะ
กิลกาเมซผ่านทุกอุปสรรค์ไปไ ด้อย่างไม่ยากเย็น และเมื่อเขาได้พบกับอุชนาปิ ชติม เขาก็เล่าถึงสาเหตุที่เขาดั ้นด้นมากหาอุชนาปิชติมให้ฟั ง เมื่อเล่าจบอุตนาปติมก็ให้ก ิลกาเมชได้มีโอกาสเป็นอมตะบ ้าง โดยยื่นข้อเสนอไว้ว่า "หากกิลกาเมชสามารถทนตื่นได ้ 6 วัน 7 คืน โดยไม่หลับได้ เขาก็จักได้รับความเป็นอมตะ " แน่นอนว่ากิลกาเมชรับเงื่อน ไขทั้งหมดนี้ และนั่งลงริมฝั่งน้ำ ทันทีที่เขานั่งลง เขาก็ผลอยหลับไป อุตนาปิชติมจึงบอกภรรยาว่า "ผู้ชายทุกคนเป็นคนหลอกลวง" ซึ่งกิลกาเมชจะปฏิเสธว่าตนไ ม่ได้หลับ อุตนาปิชติมจึงขอให้ภรรยาปิ ้งขนมปังทุกวัน และวางไว้ที่เท้าของกิลกาเม ช
กิลกาเมชหลับโดยไม่ตื่นเลยเ ป็นเวลา 6 วัน 7 คืน แล้วอุตนาปิชตัมก็ปลุกให้เข าตื่น เมื่อสะดุ้งตื่น กิลกาเมชก็พูดว่า “ข้าเพียงแต่งีบไปชั่วเสี้ย ววินาที ณ ที่นี้เอง” อุตนาปิชติมจึงชี้ไปที่ขนมป ังเหล่านั้น บอกให้ทราบถึงสภาพการเสื่อม สลายจากขนมปังใหม่สุด จนถึงที่เก่าที่สุด และมีราขึ้น ซึ่งวางอยู่แทบเท้านับแต่วั นแรก กิลกาเมชจึงกลัดกลุ้มใจยิ่ง นัก ทว่าภรรยาของอุตนาปิชติมขอร ้องให้สามีได้เมตตากิลกาเมช อุตนาปิชติมจึงบอกสถานที่แห ่งความอมตะแก่กิลกาเมช ซึ่งมีต้นไม้ลี้ลับต้นหนึ่ง ซึ่งจะทำให้กิลกาเมชเป็นหนุ ่มขึ้นอีกครั้ง ต้นไม้นี้อยู่ที่ก้นทะเล รอบแผ่นดินแสนไกล กิลกาเมลมัดก้อนหินไว้กับเท ้า แล้วจมลงไปที่ก้นทะเล แล้วถอนต้นไม้วิเศษ แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากม ัน เพราะไม่วางใจ แต่คิดจะนำกลับไปอุรุค และทดสอบกับชายชราก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลจริง เมื่อคิดเช่นนั้นเขาจึงเดิน ทางกลับ โดยการเดินทางขากลับเขาได้น อนหลับ และนั่นทำให้เกิดความผิดพลา ดขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่เขาหลับไหลอยู่นั้นมี งูตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมา กินต้นไม้วิเศษนั้น แล้วมันก็เลื้อยจากไป ด้วยเหตุนี้งูทั้งหลายจึงสา มารถลอกคราบเพื่อกลับคืนสู่ ความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้อีก ครั้ง เมื่อกิลกาเมชตื่นมาพบว่าต้ นไม้วิเศษหายไปแล้ว จึงเสียใจทรุดตัวลงคุกเข่า ร่ำไห้
แต่แม้ว่ากิลกาเมชจะผิดหวัง กับความพยายามที่สุดท้ายก็ส ูญเปล่าของตน แต่ในที่สุด เขาก็ได้เข้าใจถึงสัจจะธรรม ของชีวิตและยอมรับชะตาชีวิต โดยไม่คิดดิ้นรนที่จะเป็นอม ตะอีกต่อไป เขาได้คิดถึงสิ่งที่จะทำให้ อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงค วามยิ่งใหญ่ของพระองค์ กิลกาเมชจึงได้สั่งให้ขุนนา งจารึกเรื่องราวการเดินทางข องพระองค์ไว้ที่ฐานของประตู เมืองและหลังจากนั้นกลายเป็ นตำนานที่เล่าขานมายาวนานนั บพันปี
แม้ว่ามหานครอุรุกจะไม่มีแล ้ว บาบิโลเนียที่ยิ่งใหญ่จะล้ม สลายไปแล้ว แต่ตำนานของวีรบุรุษผู้ยิ่ง ใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ชาติ ราชาผู้อยู่เหนือราชาทั้งปว งก็ได้ข้ามผ่านกาลเวลามาจนถ ึงปัจจุบันในรูปแบบของจารึก ที่เขียนลงแผ่นจารึกที่ทำจา กดินเหนียว 12 ชิ้น ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถ ึงตัวตนราชาผู้ยิ่งใหญ่พระอ งค์นี้สืบต่อไป
เรื่องราวของกิลกาเมซตามบัน ทึกในหน้าประวัติศาสตร์ก็จบ ลงเพียงเท่านี้
เรียบเรียงด้วยตัวเอง SALT ADMIN ถูกหรือผิดนั้นขออภัยไว้ล่ว งหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น