วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2562

วิลเลี่ยม เทลวีรบุรุษแห่งสวิสเซอร์แลนด์



     ในอดีตกาลนั้นประเทศต่างๆมีตำนานเกี่ยวกับวีรบุรุษอยู่อย่างมากมาย วันนี้ผมขอมาเล่าเกี่ยวกับประวัติของชายผู้หนึ่งซึ่งมีตัวตนอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะวีรบุรุษ พรานป่าผู้พลิกชีวิตมาเป็นวีรบุรุษ วิลเลี่ยม เทลวีรบุรุษแห่งสวิสเซอร์แลนด์ ชายผู้ที่หาญกล้าต่อกรกับทรราชย์โดยไม่หวั่นเกรง และเป็นชายที่ถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษคู่บ้านคู่เมืองของสวิสเซอร์แลนด์นั่นเอง

     ในอดีต ราวๆ 600 ปีก่อน จักรวรรดิออสเตรียได้เป็นจักรวรรดิที่ทรงอำนาจอยู่ ณ เวลานั้น พวดเขาได้ขยายอาณาเขตไปยังดินแดนต่าง ๆ รวมทั้งดินแดนสวิสเซอร์แลนด์ด้วย และเมื่อยึดครองดินแดนแห่งนี้ได้แล้ว ออสเตรียได้ส่งข้าหลวงใหญ่"เกสเลอร์"มาปกครอง  เจ้าข้าหลวงเกสเลอร์คนนี้เป็นคนที่โหดอำมหิต เขามักจะปราบปรามผู้ต่อต้านด้วยความโหดร้าย เพื่อกดหัวมิให้ชาวสวิสทั้งหลายลุกขึ้นต่อต้าน วันหนึ่งเจ้าตัวคิดอะไรพิเรนทร์ขึ้นมาก็เลยสั่งกับทหารไป ว่าให้ปักเสาต้นหนึ่ง ณ จตุรัสกลางเมืองอัลดอร์ฟและแขวนหมวกของตนเอาไว้ หากใครเดินผ่านแล้วไม่ทำความเคารพหมกใบนี้ก่อนจะถูกลงโทษขั้นรุนแรง จากนั้นเกสเลอร์ได้จัดทหารจำนวนหนึ่งซุ่มคอยจับผู้ฝ่าฝืนไปลงโทษ

     เวลานั้น วิลเลียม เทล เป็นนายพรานมือฉมังของเมืแงและเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้หน้าไม้ยิ่งกว่าผู้ใดอีกด้วย และวันหนึ่งวิลเลียม เทลและบุตรชายของเขา"วิลเลียม วอลเตอร์"ก็ได้เดินทางมาทำธุระในเมืองนั้น ครั้นเมื่อผ่านหมวกใบดังกล่าววิลเลียม แทลก็ไม่ทันสังเกตเห็นจึงไม่ได้ทำความเคารพ ดังนั้นเขาจึงถูกทหารของเกสเลอร์จับตัวไว้

     เกสเลอร์เคยได้ยินชื่อเสียงของวิลเลียม แทล มาก่อน จึงอยากทดสอบฝีมือของเขา ดังนั้นจึงคิดแผนโฉดชั่วขึ้นมา โดยให้ทหารไปนำตัววอลเตอร์บุตรชายของวิลเลียม เทลมาและบอกกับพรานป่าผู้มีฝีมือว่า “ข้าได้ยินว่า เจ้ามีฝีมือในทางยิงหน้าไม้ยิ่งนัก จึงใคร่เห็นฝีมือว่าจะเก่งจริงดังคำลือหรือไม่ ข้าจะเอาผลแอปเปิ้ลวางบนศีรษะของบุตรชายของเจ้า และเจ้าจงยิงหน้าไม้ไปยังผลแอปเปิ้ลนั้นในระยะร้อยก้าว หากเจ้ายิงพลาด ข้าจะฆ่าเจ้าและบุตรของเจ้าเสีย”

     วิลเลียม เทลโกรธแค้นในความอำมหิตของเกสเลอร์แต่ตัวเขาในเวลานี้ไม่อาจทำอะไรได้ และแม้ว่าเขาจะมีฝีมือในทางยิงหน้าไม้มากเพียงใด แต่คราวนี้เป้าหมายวางอยู่บนศีรษะของบุตรชายของเขาเอง เขานั้นก็อดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้ เพราะหากพลาดก็หมายความว่าเขาต้องฆ่าลูกชายของเขาด้วยมือของตัวเอง แต่หากไม่ทำทั้งเขาและลูกก็คงไม่รอดพ้นเงื้อมมมือของเกสเลอร์ไปได้แน่ๆ ซึ่งขณะที่เทลกำลังลังเลอยู่นั้น ลูกชายของเขาได้ให้กำลังใจแก่เขา ดังนั้นเขาจึงยิงหน้าไม้ไปที่แอปเปิ้ลโดยไม่ลังเล ดังปาฎิหาร์ย ลูกดอกจากหน้าไม้ของเขาเสียบทะลุผลแอปเปิ้ล โดยไม่ทำอันตรายลูกชายของเขาแม้แต่น้อย

     ฝูงชนที่มุงดู ต่างโห่ร้องยินดี ข้างเกสเลอร์เองก็อดตื่นเต้นไม่ได้กับฝีมืออันยอดเยี่ยมของแทล ทว่าเกสเลอร์ได้สังเกตเห็นว่า วิลเลียม แทล ยังมีลูกดอกเก็บไว้อีกดอกหนึ่ง จึงถามกับเขา ว่าทำไมจึงเก็ลูกดอกไว้อีกครั้ง ซึ่งเทลก็ได้บอกกลับไปว่า เขาเตรียมลูกดอกลูกนี้ไว้ หากยิงพลาดก็สาบานไว้ว่าจะใช้ลูกดอกดอกนี้ยิงเสียทะลุหัวใจที่ต่ำทรามของเกสเลอร์

     นั่นเป็นเหตุให้เกสเลอร์โกรธมาก จึงสั่งจับเทลไปขังไว้ในคุกใต้ดินซึ่งตั้งอยู่อีกเมืองหนึ่ง โดยนำตัวเขาลงเรือเล็กล่องข้ามทะเลสาปไปยังปราสาทที่คุมขังด้วยตนเอง แต่เหมือนโชคเข้าข้าง ในขณะที่เรือกำลังข้ามทะลสาปอยู่นั้น ได้เกิดพายุพัดจนมองไม่เห็นฝั่ง พวกทหารออสเตรียนั้นกลัวว่าเรือจะจม ซึ่งเทลจึงบอกให้พวกนั้นแก้มัดเขาแล้วเขาจะช่วยให้พวกนั้นไปถึงฝั่งได้ ซึ่งนั่นก็เป็นอุบายของเทล เพราะเมื่อเรือเข้าใกล้แล้วเทลก็กระโดดลงน้ำและว่ายขึ้นฝั่งในทันที ปล่อยให้เรือที่มีทหารออสเตรียกับข้าหลวงชั่วลอยคว้างกลางพายุกันต่อไป

     แต่แม้จะประสบเคราะห์เช่นนั้นเกสเลอร์ก็ดวงไม่ถึงฆาต ซึ่งเมื่อวิลเลียม เทลทราบเรื่อง เขาก็ตัดสินใจว่า"จะไม่ปล่อยให้คนชั่วได้มีโอกาสกดขี่พี่น้องร่วมแผ่นดินของเขาต่อไป" เขาจึงไปดักซุ่มรอยังจุดที่เกสเลอร์กับพวกจะเดินทางผ่าน และเมื่อข้าหลวงใหญ่ขี่ม้าผ่านมาโดยขาดการระวังตัว หน้าไม้ของแทลก็ลั่นไกส่งลูกดอกเสียบทะลุหัวใจ ทำให้แกสเลอร์ร่วงลงจากหลังม้าสิ้นชีพในทันที จากนั้น วิลเลียม แทล ก็กลายเป็นหัวหน้าผู้กล้าชาวสวิสต่อต้านออสเตรียจนในที่สุด ก็สามารถรวบรวมกำลังคนขับไล่กองทัพออสเตรียออกไปจากสวิสเซอร์แลนด์ได้สำเร็จ และวีรกรรมของเขาเป็นที่เล่าขานจนถึงปัจจุบัน

     และในช่วงบั้นปลายชีวิต หลังจากปลดปล่อยบ้านเกิดเมืองนอนให้มีเสรีภาพได้แล้ว วิลเลียม แทล ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข จนมาวันหนึ่ง เขาได้เดินผ่านไปยังริมแม่น้ำและเห็นเด็กชายคนหนึ่งพลัดตกน้ำ จึงได้ลงไปช่วย ทว่าแม้เขาจะช่วยเด็กชายให้รอดชีวิตได้ แต่ตัวของวิลเลียม แทล เองกลับถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวพัดจมหายไป

     แม้ว่าตัวเขาจะตายจากโลกใบนี้ไปแล้วชื่อของเขาก็ยังเป็นชื่อที่เพื่อร่วมชาติของเขาเคารพยกย่อง เป็นวีรบุรุษที่ปลดปล่อยเพื่อนร่วมชาติจากการกดขี่ของจักรวรรดิออสเตรีย วีรกรรมของเขายังเป็นที่สดุดีของชาวสวิสเซอร์แลนด์จวบจนปัจจุบัน ในฐานะวีรบุรุษและลูกผู้ชายผู้หาญกล้า

เรียบเรียงโดย SALT ADMIN
ขอบคุณข้อมูลก่อนการเรียบเรียงจาก www.komkid.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น