วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562

บิลลี่เดอะคิด สิงห์ปืนไวแห่งยุคคาวบอยตะวันตก



     เรื่องราวต่างๆในโลกทรงกลมนี้มักจะไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวังเอาไว้เสมอไป บางครั้งเราอาจจะถูกใจมันหรือบางครั้งเราอาจจะไม่ถูกใจก็ตามที วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับชายที่โชคชะตาเล่นตลกจนต้องพลิกชีวิตมาเป็นโจรจวบจนวาระสุดท้ายนั่นก็คือ บิลลี่เดอะคิด ผู้มีฉายาว่า"สิงห์ปืนไวตะวันตก"แห่งยุคคาวบอยนั่นเอง

     เช่นเดิมผมจะเล่าเรื่องราวของชายผู้นี้ผ่านประวัติของเขาเองโดยไม่เอาเนื้อหาในเกมมาอ้างอิงนะครับ

     บิลลี่เดอะคิดนั้นไม่ใช่ชื่อจริงของชายผู้นี้แต่เป็นเพียงสมญานามที่คนทั่วไปรู้จักกันเท่านั้น ชื่อจริงของเขานั้นคือ"วิลเลี่ยม เอช บอนนี่"เป็นเด็กหนุ่มยากจนที่มีแม่เป็นโสเภณี จุดเด่นของเขาคือเป็นชายที่มีนัยน์ตาสีฟ้าและฟันหน้าซี่ใหญ่ แต่เจ้าตัวก็จัดว่าเป็นคนที่มีรูปร่างและผิวพรรณดี การแต่งตัวของเขาจะเป็นการแต่งตัวที่ดูดีกว่าโจรทั่วไปมาก เหยื่อของชายผู้นี้นั้นคือผู้มีอิทธิพลและเศรษฐีขี้โกงทั้งหลายโดยจะไม่ลงมือกับประชาชนทั่วๆไป จอมโจรสิงห์ปืนไวบิลลี่เดอะคิดนั้นออกปล้นเหล่าผู้มีอิทธิพลไปทั่วจนสุดท้ายมีการตั้งค่าหัวสูงสุด 5000 เหรียญสหรัฐซึ่งถือว่ามากที่สุดในขณะนั้นเลยทีเดียว 

     จุดเริ่มต้นของบิลลี่นั้นเริ่มจากความแร้นแค้นจนต้องไปเป็นเด็กรับใช้ของคนในคาราวานเลี้ยงวัว ด้วยความที่สมัยนั้นไม่มีกฏหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเด็กที่มีอาชีพเป็นเพียงแค่คนรับใช้จึงมักถูกปฎิบัติด้วยพฤติกรรมที่เลวร้ายจากผู้เป็นนาย เรียกง่ายๆว่าจะต้องรองรับอารมณ์ผู้เป็นนายจ้างทุกรูปแบบนั่นทำให้ร่างกายและจิตใจของบิลลี่แข็งแกร่ง และด้วยความที่เขาเป็นชายที่มีรูปร่างเล็กคนในกองคาราวานจึงมักเรียกอย่างติดปากว่า"บิลลี่เดอะคิด"หรือไอ้หนูบิลลี่นั่นเอง

     บิลลี่นั้นพยายามอดทนกับเรื่องแย่ๆที่เจ้านายทำกับเขามาได้เรื่อยๆ บางครั้งเขาถูกสั่งให้ไปทำงานกับพวกคนตัดไม้ซึ่งคนเหล่านี้บิลลี่ไม่คิดว่าเขาจำเป็นต้องอดทนอดกลั้นกับเรื่องพฤติกรรมแย่ๆที่พวกเขาทำกับตน แต่เพราะปากท้องเขาจึงต้องจำยอมอย่างไม่เต็มใจและเก็บความรู้สึกนี้ไว้จนกระทั่งวันหนึ่งความอดทนของเขาก็ขาดลง บิลลี่ได้ใช้ปืนยิงคนตัดไม้จนเสียชีวิต เขาก็สารภาพไปว่าเขาไม่ได้ตั้งใจและมันเป็นอุบัติเหตุ  แน่นอนว่าเรื่องนี้เจ้านายของเขาไม่เชื่อแล้วส่งตัวเขาไปที่อำเภอเพื่อให้นายอำเภอลงโทษสถานหนัก เขาถูกตัดสินให้ประหารชีวิตซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ก่นด่าสาปแช่งความอยุติธรรมจนผู้คุมรู้สึกเห็นใจและแอบปล่อยตัวเขาไปในกลางดึก

     บิลลี่ควบม้าหนีไปเม็กซิโกเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ทันที แต่โชคชะตาก็ไม่ยอมให้เขาใช้ชีวิตเยี่ยงสุจริตชน ระหว่างที่เขาทำมาหาินตามปกติก็มักจะถูกขัดแข้งขัดขาจากบรรดาพวกขาใหญ่ที่เป็นเจ้าถิ่นและนี่ก็ทำให้ชายผู้นี้หมดความอดทนอีกครั้งพร้อมกับจับปืนลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรม โดยครั้งนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเป็นพวกนอกกฏหมายและจะเอาคืนผู้มีอิทธิพลที่รังแกเขาทั้งหมดอย่างสาสม เขาได้ออกปล้นพวกผู้มีอิทธิพลและเศรษฐีขี้โกงทั้งหลาย ด้วยฝีมือการยิงปืนที่รวดเร็วและแม่นยำของบิลลี่เดอะคิดทำให้ชื่อของชายผู้นี้เป็นที่หวาดผวาของเหล่าผู้มีอิทธิพล ซึ่งว่ากันว่าฝีมือการยิงปืนของบิลลี่นั้นทัดเทียมกับ"เจสซี่ เจมส์"จอมโจรอีกคนหนึ่งในยุคนั้นเลยทีเดียว 

     ตัวบิลลี่นั้นถึงจะกลายเป็นโจรไปแล้วแต่เขาก็พยายามใช้ชีวิตเยี่ยงสุจริตชนอยู่หลายครั้ง และบางครั้งที่เขาไม่ได้ออกปล้นเขาก็ไปทำงานตามฟาร์มอยู่เป็นบางครั้ง แต่สุดท้ายก็มีเหตุจำเป็นให้เขาต้องออกปล้นอยู่ดี และแม้ว่าบิลลี่จะเป็นชายผู้เก่งกาจด้านปืนอย่างมากแต่ตัวเขาก็ติดคุกอยู่หลายครั้งเหมือนกันและทุกครั้งก็จบลงด้วยการที่บิลลี่หลบหนีออกมาจากคุกเสมอ 

     บิลลี่และพวกพ้องนั้นไม่ว่าเขาไปที่ใดเขาก็มักจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างยินดีจากชาวบ้านเสมอ ซึ่งพฤติกรรมของชาวบ้านที่แสดงออกมานั้นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าชายผู้นี้เป็นภัยเฉพาะเหล่าผู้มีอิทธิพลที่กดขี่ข่มเหงชาวบ้านตามอำเภอใจและศัตรูคู่อาฆาตของเขาเท่านั้น จำนวนศพที่ถูกบิลลี่สังหารไปนั้นว่ากันว่ามี 21 ศพ แต่บางที่นั้นบอกว่ามีเพียงแค่ 9 ศพ ผู้ที่ท้าดวลบิลลี่นั้นมักจะจบชีวิตด้วยคมกระสุนของเขาทุกรายซึ่งเรื่องฝีมือการยิงปืนนี้สร้างชื่อเสียงให้บิลลี่ที่โด่งดังในฐานะของคนนอกกฏหมายที่โด่งดังที่สุดในขณะนั้นและทำให้รัฐบาลต้องตั้งค่าหัวเขา 

     วาระสุดท้ายของสิงห์ปืนไวผู้นี้คือปี 1881 เขาเสียชีวิตลงด้วยการถูกยิงจากทางด้านหลังการบุกปล้นครั้งล่าสุด กล่าวกันว่าเขาถูกผู้มีอิทธิพลและรัฐบาลนั้นวางแผนร่วมกันเพื่อลอบสังหารชายผู้นี้ โดยลอบยิงด้วยไรเฟิลจากทางด้านหลัง จบตำนานสิงห์ปืนไวแห่งตะวันตกลงในวัย21ปี ภายหลังการตายของบิลลี่นั้นชาวเมืองฟอร์ดซัมเทอร์ได้สวดไว้อาลัยให้กับบิลลี่เดอะคิดสิงห์ปืนไวมือหนึ่งของตะวันตกผู้เป็นตำนานผู้นี้ด้วย ท้ายสุดร้างของเขาได้ถูกนำไปฝังไว้ที่เมืองฟอร์ดซัมเทอร์รัฐนิวเม็กซิโก โดยปัจจุบันนี้หลุมฝังศพของเขากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างมากของรัฐนิวเม็กซิโก ชื่อเสียงของเขาเองนั้นก็โด่งดังจนกระทั่งถึงขนาดมีพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเองเลยทีเดียว

     บิลลี่เดอะคิดเป็นจอมโจรที่เหล่าประชาชนยกย่องดังเช่นวีรบุรุษ เรื่องราวของบิลลี่ เดอะคิด กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานผ่านสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนัง การ์ตูนหรือเกมสมบัติต่างๆที่เคยเป็นของเขานั้นปัจจุบันถือว่าเป็นของล้ำค่าที่เหล่าเศรษฐีประมูลกันด้วยราคาสูงลิบ เรียกได้ว่าแม้แต่ปัจจุบันตัวเขาก็ยังเป็นชายผู้โด่งดังจวบจนวันนี้

เรียบเรียงโดย SaltAdmin
ขอบคุณข้อมูลก่อนการเรียบเรียงจากboard.postjung.com/981089 และ spokedark.tv/posts/billy-the-kid/

Billy the Kid

รีวิวเซอร์แวนท์
ทดสอบการใช้งาน

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562

รีวิวเซอร์แวนท์ Billy the Kid


เซอร์แวนท์อาเชอร์: Billy the Kid

รีวิว BY YOUTUBE
ทดสอบ
------------------------------
ATK 6,890 (LV.70)   9,325 (LV.100)
HP   9,506 (LV.70) 12,889 (LV.100)
ไม่รวม โฟคุงที่สามารถเพิ่มได้อีก 1000-2000 หน่วย
Attributes: MAN
[ทำดาเมจกับ Attributes SKY +10%]
[ทำดาเมจกับ Attributes Earth -10%]
Traits: Humanoid, Male, Riding, Servant, Weak to Enuma Elish
Illustrator: Shimaudon
Voice Actor: Takano Urara
------------------------------
อัตราการดูดดาว 150
อัตราการสร้างดาว 8%
NP Charge ATK: 0.56%
NP Charge DEF: 3%
Command
QQAAB(Q2 A3 B4 EX4 hit)
------------------------------
++สกิลติดตัว++
Independent Action A
เพิ่มความแรงของคริติคอล 10%
Riding C+
เพิ่มประสิทธิภาพ Quick Card 7%

สกิลใช้งาน
======
สกิลที่ 1
======
Marksmanship A++
เป้าหมาย: ตนเอง
Cool down 7[min]- 5[max] Turn
  • เพิ่มความแรงของคริติคอล [min]60-[max]120% 1 เทิร์น
======
สกิลที่ 2
======
Quick Draw A+

เป้าหมาย: ตนเอง
Cool down 8[min]- 6[max] Turn
  • เพิ่มเกจตนเองทันที [min]30-[max]50%


======
สกิลที่ 3
======
Eye of the Mind (False) C
เป้าหมาย: ตนเอง
Cool down 8[min]- 6[max] Turn
  • ได้รับสถานะ"หลบ" 1 เทิร์น
  • เพิ่มความแรงของคริติคอล [min]16-[max]32% 3 เทิร์น
NP [Thunderer](Quick)(Single) 3 hit
  • โจมตีโดยไม่สนสถานะ "หลบ"
  • สร้างความเสียหาย 1200% -2000%
Over Charge
  • ลดอัตราคริติคอลของเป้าหมายด้วยอัตรา 
  • 10/20/30/40/50 ตามเลเวล OC 1/2/3/4/5
-------------------------
หลังผ่านเควสเสริม
----------
---------------
NP [Thunderer](Quick)(Single) 3 hit

  • โจมตีโดยไม่สนสถานะ "หลบ"
  • สร้างความเสียหาย 1600% -2400%
Over Charge
  • ลดอัตราคริติคอลของเป้าหมายด้วยอัตรา 
  • 20/30/40/50/60 ตามเลเวล OC 1/2/3/4/5
รีวิวการใช้งาน
------------
ด้านสกิล
------------
สกิลแรก
สกิลเพิ่มแรงคริที่มีผลเพิ่มความรุนแรงของคริติคอลสูงสุดถึง 120%เลยทีเดียว เป็นสกิลที่เหมาะจะใช้ตอนหน้าการ์ดสวยๆดาวพร้อมเป็นอย่างยิ่ง เสียอย่างเดียวที่คูลดาว์นนานไปหน่อยหากเทียบจากระยะเวลาการแสดงผลของสกิล
สกิลสอง
สกิลชาร์จเกจทันทีซึ่งให้เกจสูงสุดถึง 50%เลยทีเดียว สามารถใช้งานควบคู่กับCEหลายใบได้อย่างหลากหลาย และหากมีตัวที่สามารถชาร์จเกจได้สัก 50% จะดีมากเพราะเราสามารถยิงโฮกุอัดหน้าก่อนได้เลยทีเดียว
สกิลสุดท้าย
สกิลหลบที่เพิ่มความแรงคริติคอลให้ด้วย การหลบเป็นการหลบแบบ1เทิร์น ข้อดีคือเพิ่มแรงของคริติคอลด้วยซึ่งผลเพิ่มแรงคริติคอลอยู่นานถึง 3 เทิร์นและทีเดียว
-----
NP
-----
สำหรับโฮกุของบิลลี่เป็นโฮกุที่มีความพิเศษด้วยการใส่โจมตีทะลุการหลบหลีกซึ่งทำให้เป้าหมายใช้หลบเพื่อเลี่ยงดาเมจจากโฮกุนี้ไม่ได้ เป็นประโยชน์มากโดยเฉพาะเวลาใช้โจมตีใส่ตัวที่หลบและซ้ำด้วยการโจมตีธรรมดาๆเพื่อให้หลบไม่ได้ ด้านความแรงอยู่ในข่ายปานกลางแต่ด้วยความที่บิลลี่มีสกิลชาร์จเกจจึงทำให้มันยิงได้เร็ว ผลOCที่ลดอัตราคริติคอลนั้นในปัจจุบันมีประโยชน์มากแต่ด้วยความที่มันต้องOCจึงเป็นเรื่องยากสักหน่อยในการต้องเก็บเกจเพิ่ม ซึ่งโดยปกติก็ไม่มีใครเขารอกันขนาดนั้นหรอก

------------------------------
ข้อดี
  • ชาร์จเกจตัวเองได้สูง
  • มีสกิลซัพพอร์คริหลายสกิล ทำให้คริแรงมาก
  • มีสกิลหลบไว้ป้องกันตัว
  • ศัตรูไม่สามารถหลบโฮกุได้
  • สามารถใช้งานคู่กับCEได้อย่างหลากหลาย
  • หาง่าย
------------------------------
ข้อเสีย

  • พลังพื้นฐานน้อย
  • ไม่มีสกิลเสริมพลังโจมตีธรรมดาและโฮกุ
  • เป็นตัวที่ปั่นดาวได้ลำบาก
  • พึ่งพาคริติคอลมาก หากไม่มีดาวก็ทำงานลำบาก
  • สกิล 1 แสดงผลแค่1เทิร์นเท่านั้น
  • ผลลดอัตราคริจะเพิ่มขึ้นจากOCเท่านั้นซึ่งทำได้ยาก
=================
CE ที่น่าสนใจสวมใส่
=================

--------------
กลุ่มสิ้นคิด
--------------
Imaginary Around

  • [Quick +25%]
  • [Quick+30% (แบบปลด)]

-----------------------
กลุ่ม CE ควิกโฮกุ
-----------------------

Someday in Summer

  • [Quick +8%/NP DMG +8%/NP Start 30]
  • [Quick +10%/NP DMG +10%/NP Start 50 (แบบปลด)]
Halloween Princess
  • [NP DMG +15%/NP Start 30]
  • [NP DMG +20%/NP Start 50 (แบบปลด)]
Hot Spring of the Moon
  • [CRI+20%/ได้ 3 ดาวคริทุกๆเทิร์น]
  • [CRI+25%/ได้ 4 ดาวคริทุกๆเทิร์น (แบบปลด)]
----------------------
กลุ่มหลากหลาย

----------------------
Summer Little
  • [CRI+10%/NP DMG +10%/NP Gen 25]
  • [CRI+15%/NP DMG +15%/NP Gen 30 (แบบปลด)]
Three Anglers
  • [CRI+10%/NP DMG +10%/Quick +10%]
  • [CRI+15%/NP DMG +15%/Quick +15% (แบบปลด)]
--------------------
กลุ่มเฉพาะทาง
--------------------
Art of Death

  • [ตีประเภทมนุษย์ 25%]
  • [ตีประเภทมนุษย์ 30% (แบบปลด)]
-----------------------------
เซอร์แวนท์ซัพพอร์ท
-----------------------------

กลุ่มหายาก
-Scáthach-Skaði
>>[ให้ความสำคัญกับสกิล1และสกิล3ก่อนแล้วค่อยอัพสกิล2]
-เวเวอร์
>>[ทุกสกิลมีความสำคัญทั้งหมดแหละ]
กลุ่มหาง่าย
ฮานส์ (สำหรับสายคริ)
>>[สกิล1และ3 มีความสำคัญมาก][โฮกุเสริมพลังของทีมได้หลากหลายและฮีล] **ควรอัพเกรดด้วยเควสเสริมด้วย**
-----------------------------------
ติดตามผลงานอื่นได้ใน
https://www.facebook.com/SodiumAdmin/
ติดตามคลิปรีวิว/อื่นๆได้ใน
https://gaming.youtube.com/channel/UCMpLg5eudkUuzKZeoDN4UpA

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สวนลอยบาบิโลน (Hanging Gardens of Babylon) เป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์จากโลกยุคก่อนคริสต์กาล

     กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในเกมนะครับ วันนี้ผมเกิดอยากเล่าเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งมีอยู่จริงและเป็นหนึ่งในสมบัติวีรชนของวีรชนผู้หนึ่งในเกม(แต่ตามประวัติศาสตร์มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ)นั่นก็คือ สวนลอยแห่งบาบิโลน หรือ Hanging Gardens of Babylon      ในโลกนี้มีความลับต่างๆซ่อนอยู่มากมาย สถานที่บางแห่งในโลกถูกสร้างขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ยุคโบราณโดยวิทยาการที่เรายังหาคำตอบไม่ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ สวนลอยบาบิโลน สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความเจริญทางอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรบาบิโลเนียและเป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์จากโลกยุคก่อนคริสต์กาล
     เช่นเคยนะครับเรื่องราวของสวนลอยแห่งบาบิโลนนี้นั้นจะเป็นการบอกเล่าจากตำนานและหลักฐานทางโบราณคดีโดยไม่อ้างอิงจากเนื้อเรื่องในเกม

     สวนลอยบาบิโลน (Hanging Gardens of Babylon) เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดอย่างของโลก ซึ่งสร้างขึ้นราวๆ 600 ปีก่อนคริสต์กาล(ประมาณ 2600 ปีก่อน) ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่อยู่ในตำนานเล่าขานโดยบันทึกของชาวกรีกและปัจจุบันยังไม่สามารถหาที่ตั้งอย่างชัดเจนของมันได้ สวนลอยแห่งบาบิโลนนี้ถูกสร้างขึ้นจากฝีมือมนุษย์ในสมัยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 แห่งบาบิโลเนีย โดยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 ดำริให้สร้างให้แก่มเหสีของพระองค์ชื่อพระนางเซมีรามีส(ราชินีพระองค์นี้คนละคนกับเซมิรามิสใน Fate Apocrypha หรือที่เรียกกันว่า Assasin of Red แน่นอนเซมิรามิสแห่งอัสซีเรียนั้นเกิดก่อนยุคพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 หลายร้อยแีทีเดียว)ซึ่งล่าสุดมีการระบุไว้ว่าเหสีของพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2มีพระนามว่า"พระนางเอมิทิส" โดยสวนลอยแห่งนี้มีการสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความรักของพระองค์ที่มีต่อพระนางโดยมีพระดำริให้ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ

    ตัวสวนลอยนี้ว่ากันว่ามี ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ปาล์ม ไม้ยืนพุ่มชนิดต่าง ๆ มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำไทกริสไปทำเป็นน้ำตกและนำไปเลี้ยงพันธุ์ไม้ในสวนลอยแห่งนี้ตลอดปี ซึ่งระบบชลประทานที่ใช้กับสวนลอยบาบิโลนแห่งนี้นับว่าเป็นวิทยาการที่เจริญก้าวหน้ามากในยุคนั้น และสิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างก็คือความเจริญก้าวหน้าด้านวิศวกรรมการก่อสร้างที่ให้กำเนิดสวนลอยแห่งนี้ขึ้นมาซึ่งทำให้เราต้องฉุกคิดว่านี่คืออารยธรรมจากยุคอดีตจริงหรือซึ่งความก้าวหน้าทางวิศวกรรมการก่อสร้างของชาวบาบิโลนนั้นยังเป็นสิ่งที่ทำให้เหล่านักประวัติศาสตร์ต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับพวกเขา ทฤษฎีทั้งหลายต่างถูกหยิบยกมาใช้ถกเถียงกันจนถึงปัจจุบันเฉกเช่นวิศวกรรมการก่อสร้างมหาพิรามิดแห่งกิซา
ภาพสวนลอยแห่งบาบิโลนในจินตนาการของจิตรกร

     แล้วสวนลอยแห่งบาบิโลนมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ตรงไหนกันล่ะ? แน่นอนว่าสิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับตัวสวนลอยแห่งนี้มีหลายประการ ประการแรกนั้นการก่อสร้างสวนลอยแห่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีวิศวกรรมการก่อสร้างทีดีเพียงพอ แน่นอนว่าหินแต่ละก้อนที่นำมาสร้างเป็นสวนลอยแห่งนี้นั้นมีน้ำหนักไม่ใช่น้อยๆหากใช้แค่แรงงานมนุษย์เพียงอย่างเดียวคงจะเป็นเรื่องที่ยากมากหากจะทำให้สำเร็จในรัชสมัยของราชาเพียงพระองค์เดียว ประการที่สองการผันน้ำจากแม่น้ำไทกริสซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากอีกเช่นกัน ซึ่งเราก็ไม่อาจทราบได้ว่าคนยุคนั้นใช้วิธีใดในการผันน้ำและนี่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีทางการเกษตรและการชลประทานขั้นสูงที่สามารถยกสวนพืชไปปลูกบนพระราชวังได้อย่างสวยงามไม่นับรวมวิหารสวยงามและพระราชวังอีกหลายแห่งภายในบริเวณตัวนครบาบิโลนอีกด้วย ประการสุดท้ายเนื่องจากสวนลอยแห่งนี้มีเรื่องเล่ากันว่า เหล่าพ่อค้าและผู้ที่เดินทางสันจรไปมาสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลดังนั้นขนาดของมันก็ต้องไม่ธรรมดา ดังนั้นการที่มันจะเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่คู่ควรอย่างยิ่ง

     สวนลอยบาบิโลนคือสิ่งมหัศจรรย์แห่งเดียวที่ยังไม่ทราบที่ตั้งชัดเจนของมัน และไม่มีเอกสารใดๆของบาบิโลนที่กล่าวถึงสวนลอยแห่งนี้เลย ทำให้เหล่านักประวัติศาสตร์มีการตั้งทฤษฎีต่างๆมากมายถึงการมีอยู่ของมัน โดยทฤษฎีที่ได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นไปได้นั้นมีอยู่สามทฤษฎี
  • ทฤษฎีที่ 1 สวนนี้อาจมีอยู่จริงที่บาบิโลนและถูกทำลายด้วยปัจจัยบางอย่างในช่วงเวลาหลังคริสต์สตวรรษที่หนึ่ง 
  • ทฤษฎีที่ 2 สวนลอยบาบิโลนอาจเป็นเพียงสวนในตำนานที่มาจากจินตนาการของนักเขียนชาวกรีกและโรมันเท่านั้น โดยสมัยนั้น ทหารของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ได้มาถึงอาณาจักรบาบิโลนซึ่งรุ่งเรืองมากในยุคนั้น เมื่อพวกเขากลับไปก็ไปเล่าให้ผู้คนฟังถึงสวนลอยที่สวนงาม ต้นปาลม์ พระราชวังและหอบาเบลทำให้กวีและนักประวัติศาสตร์ต่างจินตนาการไปต่างๆนาๆ
  • ทฤษฎีที่ 3 สวนนี้แท้จริงแล้วเป็นสวนในตำนานที่ได้รับการอ้างอิงถึงสวนของกษัตริย์เชนนาเชริบของอัสซีเรียที่ตั้งอยู่ในกรุงนิเนเวห์ที่ริมแม่น้ำไทกริส ใกล้เมืองโมซูลของประเทศซีเรียในปัจจุบัน


     ที่สำคัญคือทั้งสามทฤษฎีไม่สามารถระบุได้ว่าทฤษฎีนั้นเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับสวนลอยบาบิโลนนี้มากที่สุด เพราะทุกครั้งที่มีการอ้างถึงทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุดก็มักจะมีหลักฐานมาโต้แย้งกันได้เสมอๆ สถานที่แห่งนี้จึงยังไม่มีการค้นพบที่ตั้งแน่นอนของมันจวบจนปัจจุบันและคงมนต์ขลังให้นักประวัติศาตร์ค้นหากันต่อไป

     เรื่องราวของสวนลอยบาบิโลนก็จบลงเพียงเท่านี้แต่ว่ามนต์เสน่ห์ของความมหัศจรรย์แห่งนี้ก็ถูกหยิบยกไปเป็นแรงดลบันดาลใจให้เหล่านักประพันธ์รุ่นหลังหยิบยกไปใช้ในงานเขียนของตนเองจนถึงปัจจุบัน

เรียบเรียงโดย SALT ADMIN

ขอบคุณข้อมูลก่อนการเรียบเรียงจาก

th.wikipedia.org และ 7thingspacial.wordpress.com

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เพนธีซิเลียราชินีแห่งชนเผ่าอเมซอน

เพนธีซิเลีย (Penthesilea) ราชินีแห่งชนเผ่าอเมซอน

     กลับมาอีกครั้งกับการเล่าประวัติของเซอร์แวนท์ผ่านหน้าประวัติศาสตร์หรือตำนาน ก่อนหน้านี้ผมก็เคยได้เล่าเกี่ยวกับเซอร์แวนท์หญิงที่เป็นวีรสตรีไปบ้างแล้ว และวันนี้ก็ผมจะมาเล่าประวัติเกี่ยวกับเซอร์แวนท์อีกคนที่เป็นหญิงเช่นกันซึ่งครั้งนี้เธอคือราชินีของชนเผ่านักรบสตรีอมาซอนซึ่งมาจากในตำนานกรีกนั่นเอง ชื่อของเธอก็คือเพนธีซิเลียราชินีแห่งชนเผ่าอเมซอน

     เช่นเคยนะครับเรื่องราวที่ผมบอกเล่านี้จะเป็นการบอกเล่าจากตำนานกรีกโดยไม่อ้างอิงจากเนื้อเรื่องในเกม

     ว่ากันว่าราชินีเพนธีซิเลียเป็นธิดาของเทพเจ้าแห่งสงครามอารีสแห่งเขาโอลิมปัสกับราชินีโอเทรราผู้ก่อตั้งชนเผ่าอเมซอนโดยมีพี่น้องร่วมสายเลือดคือ ฮิพโพลิตา,อันติโอปีและเมลานิพปีโดยเพนธีซิเลียนั้นเป็นน้องคนสุดท้องจากพี่น้องที่มีกันเพียง4คน

     บางตำนานได้กล่าวถึงตัวเธอซึ่งเกี่ยวข้องกับ12มหาภารกิจของวีรบุรุษเฮราเครส (Heracles)ซึ่งเป็นตอนที่เฮราเครสต้องไปนำเข็มขัดทองคำของฮิพโพลิตามามอบให้ยูริทัส ซึ่งเฮราเครสได้เจรจากับฮิพโพลิตาจนสำเร็จและเตรียมจะนำเข็มขัดทองคำนี้ไปมอบให้ยูริทัสอยู่แล้วทว่าเฮร่า(Hera)ราชินีแห่งสวรรค์ผู้ชิงชังตัวเฮราเครสก็ได้ยุยงให้ชาวอเมซอนคิดว่าเฮราเครสจะทำร้ายราชินีของพวกนางการต่อสู้แบบตะลุมบอนจึงเกิดขึ้นและด้วยความชุลมุนนั้นฮิพโพลิตาจึงเสียชีวิต ซึ่งนี่เป็นเหตุให้เพนธีซิเลียเสียใจอย่างที่สุดและปรารถนาที่จะตายตกไปตามกันไปกับพี่สาวของตนแต่ตามธรรมเนียมของอเมซอนนั้นการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่หน้าละอายหากยังต้องการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีเอาไว้นั้นนับรบอเมซอนจะต้องตายในสนามรบเท่านั้น


     ซึ่งบางตำนานได้กล่าวว่า ฮิพโพลิตาเสียชีวิตในระหว่างการล่ากวางโดยความผิดพลาดในการขว้างหอกของเพนธีซิเลีย ซึ่งสิ่งเดียที่เหมือนกันในสองตำนานนี้คือ ความตายของฮิพโพลิตาทำให้เพนธีซิเลียปรารถนาที่จะตายตกไปตามกันไป ซึ่งก็เหมือนอย่างที่ผมได้อธิบายไว้ข้างต้นตามธรรมเนียมของชาวอเมซอนการฆ่าตัวตายนั้นเป็นเรื่องน่าละอายดังนั้นนางจึงเลือกหาสนามรบที่เหมาะสมและคู่ควรที่นางจะตายซึ่งในที่สุดนางก็เลือกสงครามกรุงทรอยเป็นสถานที่ตายของนาง

     ราชาไพรอัมแห่งทรอยหลังจากเสียเฮ็คเตอร์บุตรชายที่รักยิ่งของตนไปจากการต่อสู้กับอคิลลิสได้ขอความช่วยเหลือจากราชินีเพนธีซิเลีย ราชินีเพนธีซิเลียนอกจากจะหาสถานที่ตายเพื่อรักษาเกียรติของตนแล้วหล่อนยังเกลียดอคิลลีสอยู่ตั้งแต่แรกทั้งจากชื่อเสียงแห่งความยะโสโอหังของเขาและพฤติกรรมน่ารังเกียจที่ทำกับศพของเฮ็คเตอร์ด้วยนางจึงตกลงที่จะช่วยเหลือราชาไพรอัมแห่งทรอย ว่ากันว่าเธอนำกองกำลังนักรบชาวอเมซอนเพียง 12 คน เข้าจู่โจมกองทัพกรีกที่กำลังฮึกเฮิมจากชัยชนะด้วยความรวดเร็วประดุจสายฟ้าแลบ ขุนศึกและทหารกรีกหลายคนถูกเธอและกองกำลังเพียงหยิบมือปลิดชีพ ยอดฝีมืออย่างอะแจ๊กซ์ที่เข้ามาช่วยเหลือเองก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่าจนร้อนถึงอคิลลิสต้องมาปราบนางด้วยตนเอง

     การต่อสู้ของเพนธีซิเลียกับอคิลลิสมีอยู่สองตำนาน ตำนานแรกคือทั้งสองต่อสู้กันนานเหมือนครั้งที่อคิลลิสสู้กับเฮกเตอร์แต่ท้ายสุดเธอก็ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด(อคิลลิสนั้นมีความคงกระพันหากไม่โจมตีไปที่ข้อเท้าก็ไม่มีวันฆ่าเจ้าหมอนี่ได้) และอีกตำนานหนึ่งกล่าวไว้ว่าอคิลลิสที่เข้าปะทะเพนธีซิเลียข้างหอกของเขาปลิดชีพเธอในทันที ซึ่งหลังจากที่เพนธีซิเลียเสียชีวิตอคิลลิสก็เข้ามาเปิดหมวกเกราะของเธอออกซึ่งก็ตกตะลึงที่เห็นว่าเพนธีซิเลียที่เป็นสตรีเพศและยังรู้สึกผิดที่ฆ่าผู้หญิงอีกด้วย ทว่าบางตำนานได้กล่าวไว้ว่าอคิลลิสเกิดหลงไหลในความงามของนางจึงนำร่างของนางกลับไปที่พักของตน

     ผมจะไม่ขออธิบายประวัติส่วนนี้ต่อมากเพราะจะกลายเป็นลามเข้าไปในประวัติของอคิลลิสแทน โดยผมจะขออธิบายเกี่ยวกับตัวเพนธีซิเลียต่ออีกสักนิดโดยแม้ว่าเธอจะตายไปแล้วร่างของเธอก็ยังสร้างความโกลาหลให้กับทัพกรีกอยู่ เมื่อแม่ทัพหลายคนของกรีกได้เห็นพระศพพวกเขาก็หลงไหลในความงามของนางเช่นกันจึงได้พยายามยามแย่งชิงพระศพ ทำให้กลายเป็นการทะเลาะวิวาทของคนในกองทัพเดียวกันซึ่งเป็นโอกาสให้ปารีสใช้ธนูยิงไปที่เอ็นร้อยหวายของอคิลลิสจนเสียชีวิต ซึ่งในบางตำนานนั้นไม่มีเหตุการทะเลาะวิวาทแย่งชิงพระศพของราชินีเพนธีซิเลียแต่อคิลลิสนั้นเป็นคนนำพระศพของราชินีเพนธีซิเลียไปเองและเมื่อตกแต่งพระศพให้เสร็จแล้วเขาก็ทำพิธีเผาพระศพให้อย่างสมเกียรติตามธรรมเนียม

     นับว่าเป็นอีกหนึ่งวีรสตรีซึ่งแม้จะตายก็ตายได้สมศักดิ์ศรีของนักรบเรื่องราวของตัวเธอถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ฟันเฟืองตัวหนึ่งของมหากาพย์อีเลียดของกรีกแต่ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่สำคัญเลยทีเดียวซึ่งตัวเธอนั้นยังได้ปรากฏอยู่ในภาพยนต์ต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับสงครามทรอยอีกด้วย

เรียบเรียงโดย SALT ADMIN
ขอบคุณข้อมูลก่อนการเรียบเรียงจาก
http://runesdivinator.blogspot.com และ http://legendtheworld.blogspot.com

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562

แอสคลีเพียสเทพเจ้าแห่งการแพทย์ การรักษา




     กลับมาอีกครั้งกับการเล่าประวัติของเซอร์แวนท์ผ่านหน้าประวัติศาสตร์หรือตำนาน วันนี้ก็ผมจะมาเล่าประวัติเกี่ยวกับเซอร์แวนท์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ โดยก่อนหน้านี้นั้นผมเองก็เคยได้เล่าประวัติของ"ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล"ผู้เป็นผู้บุกเบิกด้านพยาบาลศาสตร์ยุคใหม่ไปแล้ว และวันนี้ผมจะขอเล่าเกี่ยวตำนานแพทย์ที่เก่งกาจที่สุดในตำนานกรีกนั่นก็คือแอสคลีเพียสผู้ได้รับฉายาเทพเจ้าแห่งการแพทย์ การรักษาและการฟื้นคืนชีพนั่นเอง
     เช่นเคยนะครับเรื่องราวที่ผมบอกเล่านี้จะเป็นการบอกเล่าจากตำนานกรีกโดยไม่อ้างอิงจากเนื้อเรื่องในเกม
     แอสคลีเพียส แอสคลีพิอุสหรือแอสเครพิออส (ทางละตินจะเขียนว่า Aesculapius แต่ทางกรีกจะเขียน Asklepios) เป็นผู้ถูกเรียกว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์ การรักษาและการฟื้นคืนชีพซึ่งมีตัวตนอยู่ในปกรณัมกรีกโดยเป็นบุตรชายของเทพแห่งพระอาทิตย์อพอลโลนั่นเอง(ดังเช่นบุตรแห่งสุริยะเทพตำนานหลากหลายประเทศผู้ที่เป็นบุตรแห่งสุริยะเทพมักจะตายเพราะความซวยของตัวเองกันเกือบหมดและยิ่งเป็นศิษย์ของไครอนด้วยแน่นอนว่าดังกระฉ่อนและดับอนาถแน่ๆ) แรกเริ่มเดิมทีนั้นฉายาเทพเจ้าแห่งการรักษานั้นเป็นของอพอลโลผู้เป็นบิดาของแอสคลีเพียสทว่าหลังจากนั้นตำแหน่งนี้ก็ถูกส่งต่อมาให้แอสคลีเพียสผู้เป็นบุตร
     แอสคลีเพียสนั้นเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับเทพเจ้าโดยฝั่งพ่อก็คืออพอลโลและแม่คือโคโรนิสซึ่งเป็นธิดาของเจ้าครองนครหนึ่งในกรีก ทว่าโคโรนิสกลับนอกใจอพอลโล่ซึ่งทำให้อพอลโลเกิดโทสะดังนั้นเขาจึงขอให้เทพีแห่งดวงจันทร์อาทีมิสผู้เป็นพี่สาวสังหารทั้งเธอและชายชู้ ซึ่งในขณะนั้นแอสคลีเพียสครบกำหนดคลอดพอดีอาทีมิสจึงนำทารกออกมาจากครรภ์ของโคโรนิสให้จากนั้นก็ส่งต่อทารกน้อยให้กับไครอนผู้เป็นอาจารย์ของเหล่าวีรชนกรีกนำไปเลี้ยงดู
     ไครอนนันถือว่าเป็นสุดยอดของอาจารย์เขาเชี่ยวชาญทั้งวิชาการดนตรี เภสัชกรรมวิทยา วิชาธนูและอื่นๆอีกหลายอย่าง ซึ่งหลังจากรับแอสคลีเพียสมาเลี้ยงดูแล้วไครอนก็ได้เลี้ยงดูและสั่งสอนวิชาให้เขาซึ่งแอสคลีเพียสเติบโตและเป็นผู้ที่มีจิตใจดีโดยวิชาที่แอสคลีเพียสสนใจและได้เรียนรู้มาจากไครอนผู้เป็นอาจารย์นั้นก็คือเภสัชกรรมและวิชาแพทย์ ซึ่งแอสคลีเพียสได้เรียนรู้จนกระทั่งเก่งกว่าไครอนผู้เป็นอาจารย์และบิดาของตนซึ่งเป็นเทพแห่งการรักษาในสมัยนั้นเสียอีก ความเทพของแอสคลีเพียสที่เหนือกว่าอาจารย์และพ่อของเขาก็คือเขานอกจากเขาจะรักษาผู้ป่วยได้เป็นอย่างดีแล้วเขายังสามารถชุบชีวิตคนตายได้อีกด้วย
     และเพราะเหตุนี้แหละที่นำความซวยมายังตัวของเขาเองเมื่อการชุบชีวิตคนตายของแอสคลีเพียสไปทำให้วัฏจักรชีวิตของมนุษย์ผิดเพี้ยน เมื่อไม่มีคนตายลงมายมโลกวิญญาณที่จะไปเกิดก็ไปเกิดใหม่ไม่ได้และนั่นทำให้ฮาเดสจ้าวแห่งยมโลกต้องไปขอให้ซุสแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน และนั่นทำให้ซุสตัดสินใจที่ประทานความตายให้กับแอสคลีเพียสผู้บิดเบือนวัฏจักรชีวิตในทันที ซึ่งในบางตำนานได้กล่าวไว้ว่า ซุสเห็นว่าความเป็นนิรันดร์นั้นควรจะมีแค่เทพเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้ครอบครอง การที่มนุษย์ไม่มีวันตายนั้นนอกจากจะทำให้วัฏจักรชีวิตผิดเพี้ยนแล้วยังทำให้มนุษย์หยิ่งผยองและไม่ยำเกรงเทพเจ้าอีกด้วย
     ความตายของแอสคลีเพียสมีอีกหลายตำนาน บางตำนานได้กล่าวไว้ว่า เมื่อฮาเดสได้แจ้งเรื่องวัฏจักรชีวิตผิดเพี้ยนให้กับซุส ขณะที่ซุสตัดสินใจว่าจะลงมือนั้นอพอลโลผู้เป็นบิดาของแอสคลีเพียสและเป็นบุตรของซุสได้ขอให้ซุสเมตตาโดยอ้างว่าแอสคลีเพียสเป็นผู้มีจิตใจดีงามและทำการรักษาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนดังนั้นการที่ซุสลงมือมอบความตายให้กับคนดีจะทำให้มหาเทพต้องมีมลทินเป็นที่ครหาของมวลมนุษย์ได้ซึ่งซุสเองก็เห็นด้วยกับอพอลโล่ ทว่ากลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ซุสต้องเปลี่ยนใจเพราะแอสคลีเพียสดันไปรับทองเป็นการตอบแทนที่นำฮิปโปไลตัสกลับมาจากความตายซึ่งซุสเองก็ตัดสินใจมอบสายฟ้าให้เป็นของสมนาคุณไปตามระเบียบ
     แอสคลีเพียสตายในทันทีเหมือนกับพี่น้องของตนเองซึ่งเป็นบุตรของอพอลโลทั้งหลาย เรื่องนี้สร้างความเจ็บแค้นให้กับอพอลโลอย่างมากแต่ด้วยเพราะตัวอพอลโลไม่สามารถชนะซุสได้เขาเลยหันไปหาตัวปัญหาที่สร้างสายฟ้ามาทำลายลูกๆทั้งหลายของเขาแทนซึ่งนั่นก็คือไซคลอปส์ ผลจากการกระทำนี้นั้นทำให้ซุสลงโทษโดยเอาอพอลโลไปแขวนไว้บนท้องฟ้าและลงโทษให้อพอลโลคอยรับใช้ราชาแอดมิตัส(Admetus)อีก 1 ปี ซึ่งภายหลังจากที่ซุสยอมยกโทษให้อพอลโลแล้ว ซุสก็ได้ชุบชีวิตไซคลอปส์ขึ้นมาอีกครั้งและเพื่อเป็นการให้เกียรติกับคุณงามความดีที่แอสคลีเพียสเคยกระทำไว้เจ้าสวรรค์ก็ได้นำร่างของแอสคลีเพียสไปไว้บนกลุ่มดาวที่มีชื่อว่า"กลุ่มดาวคนแบกงู"
     งูที่คอยกระซิบบอกอาการเจ็บป่วยของคนไข้ของแอสคลีเพียสนั้นเป็นงูที่ชื่อ"เอสคูลาเปียน"ซึ่งเป็นงูไม่มีพิษที่สามารถพบได้ทั่วไปในแถบเมดิเตอร์เรเนียนในปัจจุบัน แอสคลีเพียสนั้นนอกจากตัวเขาจะเป็นตัวแทนของการรักษาทางการแพทย์บุตรสาวและบุตรชายของเขาต่างก็มีความสำคัญเกี่ยวกับการแพทย์ด้วยเช่นกัน บุตรสาวของแอสคลีเพียส ไฮเจีย(Hygea)เป็นเทพีแห่งสุขอนามัยและความสะอาด ลาโซ(Laso)เป็นเทพีแห่งการฟื้นฟู อาเซโซ(Aceso)และแพนะเซีย (Panacea)นั้นเทพีแห่งการรักษา บุตรชายของเขาสองคนที่มีนามว่ามาเคออน(Machaon)และโพดาลิริอุส(Podalirius)เป็นศัลยแพทย์ทหารของกรีกซึ่งปรากฏอยู่ในสงครามเมืองทรอยที่โด่งดัง
     เรียกได้ว่าแอสคลีเพียสนั้นเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับวงการสุขอนามัยตั้งแต่บิดา อาจารย์หรือแม้กระทั่งครอบครัวเลยทีเดียว สัญลักษณ์ซึ่งเป็นคฑาที่เป็นสิ่งของคู่กายของเขานั้น ณ ปัจจุบันก็ยังมีผู้รู้จักถึงแม้ว่าตำนานเกี่ยวกับไม้คฑาชิ้นนี้จะยังคลุมเครือก็ตามที

เรียบเรียงโดย Salt Admin
ขอบคุณข้อมูลก่อนการเรียบเรียงจาก janghuman.wordpress.com และ th.wikipedia.org

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Scheherazade(แคสเตอร์แห่งปราสาทไร้ราตรี)

ทดสอบการใช้งาน Scheherazade(แคสเตอร์แห่งปราสาทไร้ราตรี)
รีวิว Scheherazade(แคสเตอร์แห่งปราสาทไร้ราตรี)



วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เซเฮราซาดนักเล่านิทานแห่งนิทานอันเป็นที่รู้จัก"พันหนึ่งราตรี"


     เรื่องราวของวีรบุรุษส่วนใหญ่นั้นมักมีความเกี่ยวข้องกับศึกสงคราม การกอบกู้บ้านเกิดเมืองนอน แต่วันนี้ผมจะพาทุกคนมารู้จักกับวีรสตรีผู้หนึ่งซึ่งมีไม่ได้มีความเก่งกาจทางการศึก ไม่มีคาถาอาคมอันแก่กล้าใดๆ แต่สามารถสร้างวีรกรรมที่ปกป้องชีวิตนับพับนับหมื่นได้ด้วยตัวคนเดียว เซเฮราซาดหรือชาห์เรซาด(Scheherazade)คือนามของเธอคนนี้
     เรื่องราวตรงส่วนนี้ผมจะบอกก่อนนะครับว่าผมจะเล่าในส่วนของเรื่องพันหนึ่งราตรีโดยมิได้อิงจากเนื้อเรื่องในFATE โดยก่อนที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอนั้นผมจะขอหยิบยกเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเธอเสียก่อนซึ่งตัวเธอนั้นเป็นตัวละครในนิทาน“พันหนึ่งราตรี”หรืออาหรับราตรี นั่นเองซึ่งเรื่องราวนิทานเรื่องนี้นั้นเชื่อกันว่าเกิดขึ้นในราชวงศ์อับบาซิดแห่งแบกแดด ซึ่งเป็นยุคที่กรุงแบกแดดเป็นศูนย์กลางการค้า ซึ่งทั้งชาวเปอร์เซีย จีน แอฟริกา และชาวยุโรปต่างหลั่งไหลกันไปที่นั่น ผู้คนที่แตกต่างชาติพันธ์ุเหล่านี้ไม่เพียงแค่ทำมาค้าขาย แต่พวกเขายังนำความรู้ ภูมิปัญญา วัฒนธรรมต่างๆมารวมกันที่แบกแดดอีกด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือนิทานพื้นบ้านนั่นเอง นิทานพื้นบ้านเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่ชาวต่างชาติได้เล่าให้ชาวแบกแดดฟังนั้นทำให้ชาวแบกแดดได้สั่งสมเรื่องเล่าจากนิทานเหล่านี้เอาไว้และนำมาเล่ากันปากต่อปาก กระทั่งในรัชสมัยกาหลิบ ฮารูน อัล-ราชิด (14 กันยายน ค.ศ. 786 - 24 มีนาคม ค.ศ. 809) ได้มีการรวบรวมนิทานต่างๆ ไว้ในที่เดียวกันโดยเขียนเป็นภาษาปาลาวี, ซาสซานิด และเปอร์เซีย ภายใต้ชื่อ ฮาซาร์ อัฟซานา หรือ ‘บันทึกตำนานหนึ่งพัน’ ซึ่งหลังจากรัชสมัยของกาหลิบ ฮารูน อัล-ราชิด ซึ่งก็ราวๆประมาณปี ค.ศ. 850 ก็ได้มีนิทานที่เล่ากันปากต่อปากเป็นภาษาอารบิกเกิดขึ้น ชื่อ อัฟ เลย์ลา วา เลย์ลา ซึ่งแปลว่า ‘หนึ่งพันกับอีกหนึ่งคืน’
     นิทานพันหนึ่งราตรีเป็นเรื่องราวของพระราชาชาห์เรยาร์ด (Shahryārในภาษาเปอร์เซียแปลว่าพระราชาหรือผู้ปกครอง) และมเหสีของตนที่ชื่อเซเฮราซาด(Scheherazade)โดยโครงเรื่องนิทานเรื่องนี้นั้นเป็นนิทานซ้อนนิทาน โดยจะมีเรื่องใหม่ต่อเนื่องเมื่อเรื่องเดิมจบลง พระราชาพระองค์นี้ก็เดิมทีก็มิใช่ราชาที่เหี้ยมโหดใดๆ แต่ในวันหนึ่งพระองค์ก็พบว่ามเหสีของตนนั้นนอกใจโดยชายชู้ก็เป็นทหารคนหนึ่งในวัง วินาทีที่พบว่าความจริงตรงหน้านั้นพระองค์ก็ทรงกริ้วจึงได้สั่งประหารมเหสีและชายชู้ในทันทีพร้อมๆกันนั้นตัดสินว่าสตรีอื่นๆในโลกทุกนางนั้นก็ชั่วร้ายเป็นเหมือนๆกันทุกคน และเรื่องบัดสีของชายโฉดหญิงชั่วก็นำหายนะมาให้สตรีนางอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นจำนวนมากด้วย
     หลังจากการเสียผู้ที่เป็นมเหสีไปแล้วราชาชาห์เรยาร์ดก็ไม่สนใจสตรีนางอื่นอีก ซึ่งทำให้เหล่าขุนนางต่างกังวลว่าราชบัลลังค์จะว่างลงเพราะไม่มีผู้สืบราชบัลลังก์ต่อ ดังนั้นเหล่าขุนนางจึงขอให้พระองค์ทรงพิจารณาในการคัดเลือกพระมเหสีใหม่ ซึ่งถึงราชาชาห์เรยาร์ดจะไม่ทรงพอพระทัยสักเท่าไหร่แต่พระองค์ก็เลือกที่จะทำตามความเห็นของเหล่าข้าราชบริพาร
     ทว่าแม้การตัดสินใจของเหล่าขุนนางจะทำด้วยความหวังดีแต่กลับก่อผลร้ายกับสตรีบริสุทธิ์อีกหลายร้อยหลายพัน ด้วยเพราะความขุ่นข้องหมองใจจากการที่พระองค์ถูกนอกใจนั้นยังไม่หายดีทำให้จิตใจของราชาชาห์เรยาร์ดยังคงชิงชังสตรีเพศ องค์ราชาได้เริ่มแต่งงานกับหญิงพรหมจารีที่ถูกส่งมาเพื่อเป็นมเหสีและทันทีที่รุ่งอรุณมาถึงสตรีนางนั้นก็จะถูกประหารในทันที เรื่องนี้ทำให้ทั้งขุนนางและประชาชนตื่นตระหนกกันอย่างมาก
     ซึ่งหลังจากนั้นพระองค์ก็เลือกมเหสีผู้โชคร้ายคนใหม่และทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยแม้จะเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยพระองค์ก็ไม่ให้อภัยใดๆเลย คนแล้วคนเล่าที่เข้าไปในเรือนหอแล้วไปจบลงที่ลานประหาร เหล่าสตรีบริสุทธิ์ผู้ยังรอดชีวิตอยู่ก็รีบแต่งงานมีสามีหรือไม่ก็หนีออกจากดินแดนแห่งนี้จนหมดสิ้น ในที่สุดขุนนางผู้ใหญ่ในราชอาณาจักรซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบก็ไม่สามารถจัดหาสตรีพรหมจารีมาให้พระราชาได้อีก ด้วยเหตุนี้เองเซเฮราซาดบุตรีของขุนนางผู้ใหญ่จึงเสนอตัวเองเป็นเจ้าสาวของราชาแม้ผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วย
     อย่างที่ผมได้เล่าไปบ้างแล้วเซเฮราซาดนั้นเป็นเพียงแค่สตรีธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความพิเศษใดๆเหนือผู้อื่นจะมีเพียงแค่สติปัญญาที่เหนือกว่าสตรีนางอื่นเท่านั้น ในคืนแต่งงานเซเฮราซาดได้ขอให้นางได้เล่านิทานให้น้องสาวคนเล็กซึ่งติดตามเข้าไปในห้องหอด้วยได้ฟังนิทานจากนางเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งราชาก็ยินยอม โดยเมื่อนางได้เริ่มต้นเล่านิทานให้ราชาชาห์เรยาร์ดฟังนิทานของนางทำให้ราชาชาห์เรยาร์ดเกิดความประทับใจและรู้สึกสนุกสนานกับเรื่องราวที่นางเล่าแม้ว่านิทานเรื่องนี้จะเป็นเรื่องยาวก็ตาม ทว่าเมื่อรุ่งอรุณมาถึงนางก็จำเป็นต้องหยุดเล่านิทานไว้เพื่อให้ราชาไปปฎิบัติราชกิจตามปกติซึ่งด้วยความที่องค์ราชาทรงอยากรู้ตอนจบของนิทานพระองค์จึงมิอาจตัดใจและประหารนางได้โดยทรงคิดว่าเมื่อนิทานของนางจบลงวันรุ่งขึ้นของวันนั้นแหละที่พระองค์จะประหารเธอเฉกเช่นเดียวกับสตรีนางอื่น ทว่านิทานของเซเฮราซาดกลับยาวจนเหลือเชื่อซึ่งเรื่องนี้นั้นเกิดขึ้นเพราะนางได้ผูกเรื่องราวหนึ่งไว้กับอีกเรื่องหนึ่งโดยอาศัยการเล่าของตัวละครในเรื่องดังนั้นนิทานของนางจึงไม่มีวันที่จะจบลงง่ายๆ ในคืนที่นิทานเรื่องหนึ่งจบลงนิทานเรื่องก่อนหน้านั้นก็ยังไม่จบและด้วยความรู้สึกที่ค้างคาใจนั้นราชาก็ต้องเลื่อนการประหารนางออกไปอย่างไม่มีกำหนด 
     นิทานที่เชเฮราซาดเล่านั้นมีความหลากหลาย มีทั้งนิทานที่มีเรื่องราวอิงมาจากประวัติศาสตร์ เรื่องของความรัก เรื่องราวที่มีโศกนาฏกรรม นิทานตลกชบขัน บทกวี นิทานล้อเลียน หรือแม้กระทั่งนิทานแนวอีโรติก เรื่องราวหลายเรื่องกล่าวถึงภูติผีปีศาจ สัตว์ประหลาด พ่อมด นักมายากลและสถานที่ในตำนานผสมกับสถานที่ซึ่งมีอยู่จริง ตอนจบของนิทานหลายเรื่องไม่ได้เป็นดังที่องค์ราชาคาดคิด แม้กระทั่งตัวละครบางตัวก็มิได้รับผลดังที่หวังทุกเรื่อง นิทานเหล่านี้เองที่ขัดเกลาหัวใจของราชาที่แตกสลายนี้ให้ฟื้นขึ้นมาทีละน้อยๆจนกระทั่งผ่านไป 1001 คืน
     ว่ากันว่านิทานของเชเฮราซาดนั้นจบลงในคืนที่ 1001 ซึ่งนางเองก็พร้อมรับความตายในรุ่นอรณของวันรุ่งขึ้นแล้วทว่า ราชาชาห์เรยาร์ดกลับเปลี่ยนพระทัยโดยไม่ประหารเชเฮราซาดและแต่งตั้งนางเป็นพระมเหสีของพระองค์
     ทั้งนี้พันหนึ่งราตรีนั้นมีต้นฉบับที่แตกต่างกันอยู่จึงทำให้มีรายละเอียดตอนจบที่ต่างกัน บางต้นฉบับเซเฮราซาดขอให้พระราชาให้อภัย ซึงบางต้นนั้นระบุว่าราชาชาห์เรยาร์ดได้มองไปยังลูกๆของพวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจไม่ประหารเชเฮราซาดและบางต้นฉบับนั้นได้เขียนว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้ราชาชาห์เรยาร์ดเปลี่ยนใจ โดยทั้งหมดนั้นลงเอยด้วยการที่พระราชาให้อภัยเชเฮราซาดและไว้ชีวิตนาง
     บางที่ได้ว่ากันว่านิทานเรื่องนี้นั้นแต่งขึ้นมาโดนอ้างอิงจากเรื่องจริง โดยผู้แต่เรื่องนี้นั้นได้สร้างนครและตัวละครสมมุติขึ้นมาโดยไม่ได้มีการระบุไว้ว่า เมืองที่อยู่ในนิทานเรื่องนี้นั้นแท้จริงแล้วคือเมืองใดและยุคสมัยของพระราชาองค์ใด

     ความกล้าหาญของสตรีเพียงคนเดียวนั้นทำให้สตรีมากมายได้รับการช่วยเหลือไว้ แม้ว่าเรื่องนี้เราจะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นแค่นิทานก็นับว่าเธอเป็นวีรสตรีในรูปแบบหนึ่ง ตัวเธอและเรื่องราวของเธอนั้นปัจจุบันถูกตีพิมพ์เป็นนิยาย ภาพยนต์หรือแม้กระทั่งใช้เป็นแรงดลบันดาลใจของนักเขียนในยุคปัจจุบัน

เรียบเรียงโดย SaltAdmin
ขอบคุณบทความก่อนการเรียบเรียงจากpublicpostonline.netและคุณโกมุทอัญมณีแห่งสายน้ำจากbloggang.com

รีวิวเซอร์แวนท์ แคสเตอร์แห่งปราสาทไร้ราตรี Scheherazade(เชเฮราซาด)


รีวิวเซอร์แวนท์ แคสเตอร์แห่งปราสาทไร้ราตรี Scheherazade(เชเฮราซาด)
-------------------------------
-ทดสอบการใช้งาน เชเฮราซาด แคสเตอร์สายกำจัดราชา
https://www.youtube.com/watch?v=T9jdn_qefxA
-รีวิว เชเฮราซาด
https://www.youtube.com/watch?v=vhOxd6TDCog
ตำนานเกี่ยวกับเธอ
https://bolgofsalt.blogspot.com/2019/06/blog-post_21.html
-------------------------------
ATK 9,212(LV.90) 10,084(LV.100)
HP 15,846(LV90) 17,360(LV.100)
ไม่รวม โฟคุง 1000-2000 หน่วย
Attributes: MAN 
ทำดาเมจ กับAttributes SKY(+10%) 
ทำดาเมจ กับAttributes EARTH(-10%)
Voice Actor: Inoue Kikuko
Illustrator: Namaniku ATK (Nitroplus)
Traits: Female, Humanoid, Servant, Weak to Enuma Elish
--------------------------------
อัตราการสร้างดาว 10.8%
อัตราการดูดดาว 52
NP Charge ATK: 0.51%
NP Charge DEF: 3%
Command QAAAB(Q4 A3 B4 EX4 hit)
--------------------------------
++สกิลติดตัว++
Territory Creation A
  • เพิ่มประสิทธิภาพ ART CARD 11.5%
--------------------------------
++สกิลใช้งาน++
-----------
สกิลที่ 1 -----------
Storyteller EX
เป้าหมาย: ตนเอง/ศัตรู1เป้าหมาย
คูลดาว์น [min]8-[max]6 Turn
  • ลดเกจศัตรู1ขีดด้วยอัตรา [min]80%-[max]100%
  • เพิ่มประสิทธิภาพ ART CARD [min]10%-[max]30% 1 Turn
-----------
สกิลที่ 2 -----------
Bedchambers of Survival A+
เป้าหมาย: ตนเอง/ศัตรูทั้งหมด
คูลดาว์น [min]8-[max]6 Turn
  • ศัตรูเพศชายทั้งหมด "หลงเสน่ห์" ด้วยอัตรา [min]30%-[max]60% 1 Turn
  • เพิ่มพลังป้องกัน [min]20%-[max]40% 2 Turn
-----------
สกิลที่ 3 -----------
Counter-Hero A
เป้าหมาย: ตนเอง/ศัตรู1ตัว
คูลดาว์น [min]8-[max]6 Turn
  • ได้รับสถานะ "กัชช์"1 ครั้ง/5 เทิร์น ฟื้นขึ้นมาด้วยเลือด [min]1000-[max]3000 หน่วย
  • ลดพลังโจมตีของศัตรูประเภท "ราชา" ด้วยอัตรา [min]30-[max]50% 1 Turn
---------------------------------------
หลังผ่านเควสเสริมความแกร่ง
---------------------------------------
Counter-Hero (Speech) EX
เป้าหมาย: ทั้งทีม/ศัตรู1ตัว
คูลดาว์น [min]8-[max]6 Turn
  • ตนเองได้รับได้รับสถานะ "กัชช์" 1 ครั้ง/5 เทิร์น ฟื้นขึ้นมาด้วยเลือด [min]1000-[max]3000 หน่วย
  • เพื่อนร่วมทีมได้รับได้รับสถานะ "กัชช์" 1 ครั้ง/2 เทิร์น ฟื้นขึ้นมาด้วยเลือด 500 หน่วย
  • ลดพลังโจมตีของศัตรูประเภท "ราชา" ด้วยอัตรา [min]30-[max]50% 1 Turn
--------------------------------
NP [Alf Layla wa-Layla](ART)(ศัตรูทั้งหมด) 5 hit
  • เพิ่มความเสียหายของโฮกุ 20% เกิดก่อนโจมตีด้วยโฮกุ
  • สร้างความเสียหายกับศัตรู 450-750% ตามเลเวลโฮกุ
ผลOC
  • สร้างความเสียหายเพิ่มเติมกับศัตรูประเภท ราชา/ราชินี ด้วยอัตรา
  • 200/225/250/275/300 ตามผล OC 1/2/3/4/5
---------------------------------------------
หลังผ่านเควสเสริมความแข็งแกร่ง
---------------------------------------------
NP [Alf Layla wa-Layla](ART)(ศัตรูทั้งหมด) 5 hit
  • เพิ่มความเสียหายของโฮกุ 20% เกิดก่อนโจมตีด้วยโฮกุ
  • สร้างความเสียหายกับศัตรู 600-900% ตามเลเวลโฮกุ
  • มีโอกาส 500% ที่จะลดอัตราการต้านทานดีบัพ 50% 1 ครั้ง
ผลOC
  • สร้างความเสียหายเพิ่มเติมกับศัตรูประเภท ราชา/ราชินี ด้วยอัตรา
  • 200/225/250/275/300 ตามผล OC 1/2/3/4/5
--------------------------------------
++ด้านสกิล++ 
สกิลแรก 
สกิลแรกของเชเฮราซาดจะเป็นสกิลที่ใช้ลดเกจพร้อมๆกับเพิ่มประสิทธิภาพของอาร์ทการ์ดเป็นระยะเวลา 1 เทิร์น ด้านโอกาสการลดเกจถือว่าดี แต่บางครั้งก็ทำให้เวลาใช้รู้สึกแปลกเช่นกัน ตัวอย่างเช่น อยากโจมตีด้วยโฮกุ แต่เกจของศัตรูยังหลอดว่างอยู่ หรือ อยากลดเกจแต่ตอนนั้นไม่พร้อมจะใช้โฮกุเป็นต้น
สกิลสอง
สกิลชาร์มที่เล็งเป้าหมายไปที่เพศชายฝั่งตรงข้ามทั้งหมด ข้อดีของสกิลนี้คือมีเป้าหมายทั้งหมด ส่วนข้อเสียก็คือสกิลนี้นั้นถึงแม้จะอัพมาเต็มก็ยังหวังผลได้ลำบาก เพราะโอกาสติดสูงกว่าครึ่งนึงแค่นิดเดียวและหากอีกฝ่ายมีต้านทานสูงๆก็แทบจะหมดหวังเลยทีเดียว ผลอีกอย่างนึงคือเพิ่มพลังป้องกันนั้น อันนี้ได้ใช้งานแน่นอน แถมเพิ่มพลังป้องกันให้สูงอีกด้วย ข้อเสียคือ มันอยู่แค่ 2 เทิร์นเท่านั้น
สกิลสุดท้าย
สกิล3นี้คือ สกิลกัซซ์ที่มีผลพ่วงในการลดพลังโจมตีศัตรูประเภทราชา ซึ่งลดให้เยอะอยู่แต่ผลลดพลังโจมตีนี้เป็นผลแค่เป้าหมายเดียวเท่านั้นนะครับ ด้านผลกัซซ์นั้นให้กลางๆเพราะหลังๆถ้าไม่ฟื้นขึ้นมาด้วยเลือดครึ่งหลอดก็โดนตบเดี้ยงได้ง่ายๆอยู่แล้ว แต่ว่าสกิลนี้มีการอัพเกรด และเมื่อัพเกรดแล้วจะทำให้เพื่อนร่วมทีมได้รับผลกัซซ์ไปด้วยซึ่งผลอันนี้นั้นจะทำให้เพื่อนร่วมทีมฟื้นขึ้นมาด้วยเลือด 500 เท่านั้นนะครับ แต่ถึงจะอันตรายแต่ก็มีโอกาสให้ใช้ประโยชน์อยู่ดีน่ะแหละ อันนี้เลยเป็นสกิลที่หลังปรับแล้วดีขึ้นมากเลยครับ
------------------------------------
++ปิดที่ NP ++
------------------------------------
โฮกุของเชเฮราซาดเป็นโฮกุที่มีความรุนแรงพอสมควรแต่โฮกุนี้จะมีความแรงเพิ่มขึ้นมหาโหดทันทีเมื่อเป้าหมายคือศตรูประเภทราชา/ราชินี ซึ่งไอ้การเพิ่มความแรงจากผลนี้เริ่มต้นก็ 2 เท่าแล้วแถมยังเพิ่มแรงอีก 25% ต่อOC 1เลเวล แม้ว่าโฮกุนี้จะไม่ได้แรงเวอร์ตั้งแต่ต้นก็ตามแต่ด้วยความที่ศัตรูที่เป็นราชาในเกมนี้นั้นมีไม่น้อยเป้าหมายจึงถือว่าเยอะพอสมควรอยู่ ซึ่งหลังจากผ่านเควสเสริมความแข็งแกร่งแล้วเราจะได้ความแรงเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร และยังได้ผลลดต้านทานดีบัพศัตรูถึง 3เทิร์นอีกด้วย แต่!!มันติดแค่ครั้งเดียวนะ ซึ่งหากถามว่าเอามาใช้กับตัวเองยังไงนั้นก็บอกเลยว่าเอามาใช้กับสกิล2ของเธอเพื่อชาร์มศัตรูทั้งหมดนั่นแหละครับ
------------------------------------
เชเฮราซาดเป็นเซอร์แวนท์ที่มีการปรับปรุงให้ดีหลังจากที่ออกมา ซึ่งแรกๆที่ออกมานั้นใช้งานได้แย่มากๆ แต่ปัจจุบันถือว่าเป็นเป็นตัวที่ดีตัวหนึ่งเพราะถึงแม้จะไม่ได้ยิงแรงมากมายอะไรแต่ก็มีสกิลที่ช่วยคุ้มครองเพื่อนร่วมทีมได้ในระดับหนึ่ง แต่หากเป้าหมายเป็นราชาล่ะก็ดาเมจของเธอจะกระโดดไปสูงจนแม้แต่เซอร์แวนท์เป้าเดี่ยวตกกระป๋องทีเดียว นับว่าเป็นเซอร์แวนท์ที่ดีตัวนึงแม้จะไม่มีสกิลแบบตัวเมต้าหรือมักง่ายก็ตามที
------------------------------------
ข้อดี
  • โฮกุเมื่อโจมตีศัตรูที่เป็นราชาจะแรงมาก
  • สามารถลดพลังโจมตีของศัตรูที่เป็นราชาได้สูงมาก
  • มีสกิลที่ชาร์มศัตรูได้ทั้งหมด
  • มีสกิลที่เสริมพลังป้องกันได้สูง
  • มีสกิลเอาตัวรอดให้ตัวเองและให้ทีม
  • สามารถตัดเกจศัตรูได้
  • โฮกุสามารถลดการต้านทานดีบัพเพื่อนำมาคอมโบกับสกิลหรือโฮกุอื่นได้
-------------------------------
ข้อเสีย
  • โฮกุโจมตีศัตรูที่ไม่ใช่ราชาแล้วเบาจนใจหาย
  • มีเงื่อนไขการลดพลังโจมตีศัตรู
  • ผลชาร์มหมู่โอกาสติดน้อย
  • ผลชาร์มมีเงื่อนไขว่าอีกฝ่ายต้องเป็นเพศชาย
  • คูลดาว์นนานเกือบทุกสกิล
---------------------------
CE ที่น่าสนใจสวมใส่
Heaven's Feel
>>[NP DMG +40%]
>>[NP DMG +50%(แบบปลด)]
The Black Grail
>>[NP DMG +60%]
>>[NP DMG +80%(แบบปลด)]
ข้อเสีย เสียเลือด 500 ทุกเทิร์น
Art of Death(โดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นราชาก็เป็นมนุษย์อยู่แล้วล่ะ)
>>[ตีประเภทมนุษย์ 25%]
>>[ตีประเภทมนุษย์ 30% (แบบปลด)]
Dive to Blue
>>[ART +8%/NP Dmg +8%/Start NP 30]
>>[ART +10%/NP Dmg +10%/Start NP 50(แบบปลด)]
Royal Icing
>>[ART +10%/NP Dmg +20%]
>>[ART +15%/NP Dmg +25%(แบบปลด)]
========
กลุ่มสิ้นคิด
========
Formalcraft
>>[ART +25%]
>>[ ART +30% (แบบปลด)]
--------------------------------
เซอร์แวนท์ซัพพอร์ท
================
สายไม่ฟรีหรือยืมเพื่อน
================
ทามาโมะ โนะมาเอะ
>สกิล1และ3สำคัญ]
>>[โฮกุ ฮีล/ให้เกจ/ลดคูลดาว์น]
เวเวอร์
>>[เน้นเรื่องATK DEFก็พอหลักคือการชาร์จเกจ]

=====
สายฟรี
=====
ฮานส์(ควรผ่านเควสเสริมด้วย)
>>[เฉพาะสกิล1และ3ที่มีความสำคัญกับสายคริอย่างมาก(สกิล3 ช่วยรีเกจด้วย)]
>>[โฮกุฮีลได้ เสริมค่าสเตตัสได้ดี(แต่สุ่ม)]
โมสาร์ท
>>[เฉพาะสกิล1และ3ที่มีความสำคัญ]
พาราเรซัส(หลังจากมีเควสเสริมความแข็งแกร่งจะเป็นตัวซัพARTที่ดีมาก)
>>[เฉพาะสกิล2และ3ที่มีความสำคัญ]
=================
สนใจรีวิวตัวอื่นๆเชิญได้ที่