วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

มิยาโมโตะ มุซาชิ


กลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความตำนานเกี่ยวกับเซอร์แวนท์ รอบนี้จะเป็นเซอร์แวนท์ที่มีตัวตนจริงๆตามหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งก็คือมิยาโมโตะมุซาชิผู้เป็นต้นกำเนิดวิชานิเทนอิจิริวนั่นเอง
เหมือนเดิมนะครับผมจะเล่าประวัติของบุคคลนี้ผ่านหน้าประวัติศาสตร์โดยไม่ได้อิงกับเนื้อหาในเกมFATE/GO
ในโลกนี้นั้นมีตำนานเกี่ยวกับผู้ใช้ดาบมากมาย ทว่าผู้ใช้ดาบบางคนที่มีฝีมือฉกาจฉกรรจ์ก็มิได้มีดีเพียงแค่ครอบครองอาวุธชั้นเลิศเท่านั้นนักดาบบางคนที่กล่าวถึงนั้นเป็นผู้ที่เข้าถึงแก่นแท้แห่งวิถีดาบหรือเรียกได้ว่าเข้าถึงวิชาดาบ ซึ่งนามของเหล่านักดาบเหล่านั้นย่อมเป็นที่รู้จักดีในโลก หนึ่งในนั้นคือ มิยาโมะโตะ มุซาชินั้นเอง
มิยาโมะโตะ มุซาชิ เป็นซามุไรไร้นายที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์โดยกล่าวกันว่าเขาคือสุดยอดนักดาบผู้สร้างตำนานไร้พ่าย ชื่อเดิมของเขาคือ ชินเม็ง ทาเคโซ ว่ากันว่าเป็นบุตรของชินเม็ง มุนิไซ ครูดาบที่มีชื่อในสมัยนั้นคนหนึ่ง ซึ่งตัวทาเคโซกับมุนิไซนั้นไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อเขาอายุได้15-16 ปีนั้นเขาก็ได้เข้าไปเข้าร่วมรบในสงครามเซกิงาฮาระซึ่งเป็นสงครามระหว่างทัพตะวันออกและทัพตะวันตก ซึ่งผลการรบในครั้งนั้นทัพประจิม(ตะวันตก)เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยินแต่มุซาชินั้นก็ยังสามารถรอดชีวิตกลับมาได้อย่างหวุดหวิด
หลังจากที่กลายเป็นทหารพ่ายศึก มุซาชิก็ใช้โอกาสนี้ฝึกปรือฝีมือดาบ เขาเริ่มออกพเนจรเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตนเอง ซึ่งก็ถือว่าเขาเป็นผู้มีวาสนาดีไม่น้อยเพราะการที่เขาได้พบกับทาคุอันพระซึ่งเป็นยอดฝีมือในเชิงยุทธ์ ทาคุอันผู้นี้เป็นผู้สอนให้มูซาชิผู้ที่มีจิตใจหยาบกระด้างและรุ่มร้อนตลอดเวลารู้จักสงบจิตใจอันร้อนรุ่มลง แล้วนำพาให้เขามุ่งสู่วิถีของนักรบในแบบเซน
ว่ากันว่าในปี ค.ศ.1604 – 1612 มูซาชินั้นออกเดินทางเพื่อประลองกับยอดฝีมือจำนวนมาก ยอดฝีมือเหล่านั้นต่างคนก็ต่างมีวิชาเป็นของตนเอง บ้างก็วิชาดาบ บ้างก็ถนัดวิชาทวน หรือไม่บางคนก็ถนัดอาวุธเฉพาะทาง ซึ่งมุซาชิได้ใช้ชีวิตเป็นเดิมพันและท้าสู้กับคนเหล่านั้นและเอาชนะมาได้สร้างชื่อเสียงจนโด่งดังไปทั่วญี่ปุน แต่กระนั้นด้วยความมุทะลุในเวลานั้นก็ทำให้เขาเป็นผู้ที่มีศัตรูมากมายเช่นกัน
การต่อสู้ที่ทำให้มุซาชิโด่งดังมากที่สุดหนึ่งในสองครั้งก็คือการสังหารหมู่สำนักดาบโยชิโอกะ 70 คนในคืนเดียว เหตุการณ์นั้นเกิดจากความมุทะลุของมุซาชิที่พลั้งมือฆ่าเจ้าสำนักโยชิโอกะ โดยที่การต่อสู้มีทั้งหมด 3 ครั้ง คือ คนแรก คือ โยชิโอกะ เซจูโร่ คนที่สอง คือ โยชิโอกะ เดนชิจิ คนที่สาม คือ โยชิโอกะ มาตาชิจิโร่(ว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไป) ผลคือทำให้เหล่าลูกศิษย์สำนักโยชิโอกะที่โกรธแค้นบุกเข้ามาหมายสังหารมิยาโมโตะ มุซาชิในเวลานั้น และเพราะเข้าตาจนจากการถูกศัตรูล้อมกรอบมุซาชิจึงได้ใช้ดาบสองมือเป็นครั้งแรก และเป็นต้นกำเนิดวิชาดาบคู่นิเทนอิจิริว
การต่อสู้อีกครั้งหนึ่งที่โด่งดังนั้นเป็นตำนานการต่อสู้ของคู่ปรับตลอดกาล ศึกระหว่างซาซากิ โคจิโรสุดยอดนักดาบผู้ใช้วิชานางแอ่นหวนกลับและมิยาโมโตะ มุซาชิ เรื่องนี้แม้ปัจจุบันก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าผู้ใดที่เก่งกว่ากัน โดยมีการกล่าวกันว่าทั้งคู่นัดต่อสู้กันที่เกาะฟุนาชิม่า หรือเกาะเรือในวันที่ 13 เมษายน ซึ่งมุซาชิไปถึงที่หมายเลยเวลาเป็นระยะเวลานานทำให้โคจิโรเกิดโทสะจนขาดความระวังและทำให้เขาต้องเสียชีวิตลงด้วยไม้พายที่มุซาชินำมาเหลาแทนดาบ 
บางตำนานว่ากันว่ามุซาชิใช้เวลาในการครุ่นคิดวิธีการแก้ทางวิชาดาบของโคจิโรจึงมาสาย ผลก็ไม่ต่างกันเพราะโคจิโรที่หัวร้อนเต็มที่ขาดสติและพลาดท่าให้กับมุซาชิจนเสียชีวิตลง ณ ที่แห่งนั้นไป ปิดตำนานเจ้าของวิชาดาบนางแอ่นหวนกลับไปทันที ทว่าผลการต่อสู้นั้นไม่ว่าจะจากตำนานไหนก็ว่ากันว่าทั้งคู่นั้นฝีมือดาบใกล้เคียงกันมาก กระทั่งเวลาที่โคจิโรล้มลงนั้นผ้าคาดหน้าผากของมุซาชิเองก็ขาดจนหลุดร่วงลงมาบนพื้นดินนั่นแสดงให้เห็นว่าหากโคจิโรมีชีวิตอยู่นานกว่านี้สักเพียงวินาทีเดียวคนที่ต้องตายที่นั่นอาจจะเป็นมุซาชิก็เป็นได้
มุซาชินั้นแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในฐานะนักดาบ แต่ก็เป็นผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานสักเท่าไหร่ ครั้งแรกคือที่ศึกเซกิงาฮาระศึกนั้นมุซาชิไปในฐานะทหารเลว(ทหารระดับล่างสุด)ผลปรากฏว่าทัพของฝั่งประจิม(ตะวันตก)พ่ายแพ้ยันเยินเป็นอันจบความหวังในการเข้ารับราชการครั้งแรกไป ครั้งต่อมาก็ตอนศึกที่ปราสาทโอซาก้า ซึ่งเป็นศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายในยุคเซ็นโกคุ หลังจากศึกนั้นจบลงมุซาชิก็ยังคงเดินเตะฝุ่นไม่ได้โอกาสรับราชการกับโตกุงาวะอีกอยู่ดี
นั่นไม่ได้ทำให้มุซาชิย่อท้อ มิยาโมโตะ มุซาชิในวัย 40 ปีนั้นได้ไปสมัครรับราชการที่นครเอโดะอีกครั้ง ครั้งนี้เขาคบหากับผู้มีตำแหน่งหลายคนเช่น ฮายาชิ ระซัน บัณฑิตคนสำคัญของรัฐบาล ซึ่งเห็นถึงความสามารถทางดาบและการทหารของมูซาชิ นั่นทำให้มุซาชิได้มีโอกาสได้พบโชกุนเป็นครั้งแรก แต่ในการรับราชการนั้นกลับล้มเหลว ซึ่งหลายๆคนเชื่อกันว่า ตำแหน่งครูสอนดาบที่มุซาชิสมัครรวมถึงตำแหน่งที่ปรึกษาทางทหารของโชกุนนั้นมีผู้ครองตำแหน่งอยู่แล้วถึงสองคนคือ ตำแหน่งแรกผู้ที่ครอบครองคือ ยางิว มุเนโนริ และตำแหน่งต่อมานั้นคือ โอโนะ จิโร่เอมอน ซึ่งต่างก็เป็นนักดาบชื่อดังที่สร้างผลงานให้โตกุงาวะหลายอย่าง
นอกจากนั้นเขายังเคยสมัครเป็นครูสอนดาบให้ไดเมียวของโอวาริแต่ก็แป๊กอีกเช่นเคย เอาเป็นว่านักดาบผู้นี้เดินเตะฝุ่นจนเริ่มเอียนและเมื่อสวรรค์ไม่ต้องการให้มุซาชิได้เป็นข้าราชการแล้วนั้นมุซาชิจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่สนใจที่จะเข้ารับราชการอีกแล้วและเจ้าตัวก็งอนตุ๊บป่องออกเดินเตะฝุ่นไปทั่วญี่ปุ่นอีกครั้ง
ท้ายสุดแล้วในที่สุดก็มีคนที่สนใจมุซาชิ ไดเมียวโฮโซคาวะได้แสดงความตั้งใจที่จะรับมุซาชิเข้ามาเป็นข้าราชการซึ่งครั้งนี้มุซาชิปฎิเสธไปเพราะเดิมที่ตำแหน่งนี้เป็นของลูกบุญธรรมของตน และเขาไม่อยากจะทำลายอนาคตของลูกบุญธรรมของเขา กระนั้นไดเมียวโฮโซคาวะก็ไม่ละความตั้งใจโดยส่งสารอีกฉบับมาซึ่งหลังจากประจักษ์ว่าอีกฝ่ายต้องการตนจริงๆ มูซาชิจึงตัดสินใจเดินทางไปปราสาทคุมาโมโตะในต้นปีถัดมา
มูซาชิได้สมความมุ่งหวังที่รอมานาน ได้เข้ารับราชการเป็นครูสอนดาบให้ โฮโซคาวะ ทาดะโทชิ ผู้ครองปราสาทคุมาโมโตะ แล้วยังสร้างผลงานประลองฝีมือเอาชนะครูสอนดาบชื่อดังของที่นี่ได้ด้วย ซึ่งเวลานั้นมูซาชิอายุได้ 56 ปีซึ่งก็ถือว่ามีอายุมากพอสมควรเลยทีเดียว และนี่เป็นการเริ่มเข้ารับราชการครั้งแรกของมิยาโมโตะ มุซาชิอีกด้วย
ต่อมานั้นมุซาชิเริ่มป่วยจากโรคเส้นประสาทบ่อยครั้ง เขาจึงเริ่มเขียนตำรา 35 กลยุทธ์ไว้เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งที่เขาจากโลกนี้ไปแล้วจะมีผลงานฝากฝังไว้บนแผ่นดินบ้าง ซึ่งต่อมาตำรา 35 กลยุทธ์นี้กลายเป็นเค้าโครงของคัมภีร์ห้าห่วงอันโด่งดังที่เขาจะแต่งขึ้นในภายหลังมิยาโมโตะ มูซาชิได้รับราชการอยู่กับ โฮโซคาวะ ทาดะโทชิ เพียงแค่ 2-3 ปีเท่านั้น เจ้านายคนแรกและคนเดียวของมูซาชิกลับล้มป่วยลงแล้วเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
บางที่กล่าวไว้ว่ามุซาชิเสียใจกับการจากไปของไดเมียวโฮโซคาวะผู้นี้อย่างมาก ทำให้อาการป่วยของเขาทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก ในที่สุดมิยาโมโตะ มุซาชิก็ตัดสินใจละชีวิตทางโลกรอนแรมไปเก็บตัวในถ้ำเรงันโดบนภูเขาอิวาโตะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปราสาทคุมาโมโตะ แล้วเริ่มแต่งคัมภีร์ห้าห่วงขึ้น เมื่อแต่งจนเสร็จสิ้นก็มอบให้ศิษย์สองคนรับไว้ ว่ากันว่าทีแรกเขามีความตั้งใจที่จะเผาคัมภีร์ทิ้งโดยให้ศิษย์ทั้งสองเอาไปเผา ทว่าศิษย์ของเขาไม่อาจตัดใจทำลายผลงานที่อาจารย์ทุ่มเททั้งชีวิตเขียนขึ้น จึงได้ทำฉบับสำเนาและเก็บรักษาไว้สืบทอดต่อมา ผลงานชิ้นสุดท้ายของมิยาโมโตะ มุซาชิคือ คือ “วิถีก้าวเดินอันเด็ดเดี่ยวในความโดดเดี่ยว” ประกอบด้วยหลักแนวคิด 21 ประการ พินัยกรรมของมุซาชินั้นระบุให้นำศพฝังในชุดนักรบเต็มยศไว้บริเวณถนนสายหลักจากคุมาโมโตะไปสู่นครเอโดะ เพื่อต้องการแสดงความเคารพต่อไดเมียวโฮโซคาวะ ทาดะโทชิเจ้านายเพียงผู้เดียวของจอมดาบไร้พ่ายผู้นี้
อดคิดไม่ได้นะว่าว่าดวงแกนี่ทำให้หัวหน้ามีอันเป็นไปรึเปล่าซึ่งหากเพื่อนๆยังจำกันได้อยู่ หัวหน้าคนแรกที่รับมุซาชิเข้าเป็นทหารเลวในศึกเซกิงาฮาระเองก็เกือบจะมีอันเป็นไปเหมือนกัน ส่วนคนอื่นๆที่ไม่รับมุซาชิเข้าทำงานด้วยนั้นมักจะมีสาเหตุจากบุคคลิกของเขาหรือไม่ก็มีคนที่เหมาะสมกับหน้าที่นั้นอยู่แล้ว
มาถึงช่วงสุดท้ายแล้วมาพูดถึงเนื้อหาของคัมภีร์ 5 ห่วงกันซึ่ง เนื้อหาของคัมภีร์ 5 ห่วงนั้นคือวิถีแห่งดาบของมิยาโมโต้ มุซาชิได้ค้นพบหลังจากหลอมรวมวิชาดาบเข้ากับปรัชญาของขงจื้อ โดยแสดงแนวปรัชญาทางความคิด ประกอบด้วยพื้นฐานของธาตุเพื่ออธิบายตามมุมองต่างๆ ได้แก่
  • ดิน หมายถึงพื้นฐานของวิชาศิลปะการต่อสู้และคัมภีร์เป็นดั่งพื้นฐานที่ชี้วัดผลของชัยชนะในเบื้องต้น
  • น้ำ หมายถึงคือท่วงท่าการฟันดาบ น้ำเสมือนจิตซึ่งเปลี่ยนรูปร่างตามภาชนะที่ใส่ ซึ่งภาชนะเองก็เปรียบได้ดังอารมณ์ของนักดาบผู้นั้น
  • ไฟ หมายถึงศัตรูซึ่งศัตรูนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอยามน้ำน้อยเปลวเพลิงย่อมกลืนกินน้ำระเหิดหายไปจนสิ้น
  • ลม หมายถึงสิ่งอื่นๆที่อยู่นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น นั่นคือความรู้เกี่ยวกับตัวเองและผู้อื่น เสมือนการรู้เขารู้เรา สิ่งนี้เป็นทำความเข้าใจตัวแปรทุกสรรพสิ่งและนำมาซึ่งผลลัพท์ที่ต้องการ
  • ความว่างเปล่า หมายถึงการรวบรวมทุกอย่างที่กล่าวมาเป็นหนึ่งเดียว

     ว่ากันว่าปัจจับันยังมีการถกเถียงเกี่ยวกับตัวมิยาโมโตะ มุซาชิไม่น้อยซึ่งบางส่วนกังขาเกี่ยวกับตำนานไร้พ่ายของนักดาบพเนจรผู้นี้ว่าเป็นเรื่องที่เกินจริง ทว่าตำราคัมภีร์ห้าห่วงของชายผู้นี้กลับเป็นตำราทรงคุณค่าที่แม้ปัจจุบันนี้ก็ยังมีผู้ที่ต้องการศึกษาให้ถ่องแท้ คัมภีรนี้เป็นแรงบันดาลใจการใช้ชีวิตตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ในการทำงานในยุคปัจจุบันได้อย่างทันสมัย เรียกได้ว่าตำราเล่มนี้เองก็เป็นหนึ่งในตำราทรงคุณค่าของโลกก็ว่าได้
     และไม่ว่าตำนานของนักดาบไร้พ่ายจะมีจริงหรือไม่ ชื่อของนักดาบผู้เยี่ยมยอดที่สุดคนหนึ่งของแดนอาทิตย์อุทัยนั้นก็ย่อมจะมีชื่อมิยาโมโตุ มุซาชิผู้นี้ปรากฏอยู่ในทำเนียบตำนานเหล่านั้นเสมอๆ ชื่อนี้ถูกหยิบยกไปสร้างตัวละครต่างๆมากมายในเกม การ์ตูน หรือแม้กระทั่งทำออกมาในรูปแบบภาพยนต์ นับว่าเป็บุคคลดังในตำนานคนหนึ่งที่มีการจารึกชื่อลงในหน้าประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

ภาพ มิยาโมโตะ มุซาชิ
เรียบเรียงโดย

SALT ADMIN
ขอบคุณข้อมูลก่อนการเรียบเรียงจาก
eaae-astro.org , gypzyworld.com และ marumura.com

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

รีวิว BB (Summer)


รีวิว เซอร์แวนท์คลาสมูนแคนเซิล BB (Summer)

ทดลองใช้งาน


-------------------------------
ATK  11,182(LV.90) 12,240(LV.100)
HP   14,812(LV.90) 16,227(LV.100)
ไม่รวม โฟคุงที่เพิ่มได้อีก 1000-2000 หน่วย
-------------------------------
อัตราการสร้างดาว 14.8%
อัตราการดูดดาว 52
NP Charge ATK: 0.61%
NP Charge DEF: 3%
Command QAABB(Q4 A3 B5 EX4 hit)
Attributes: Earth
สร้างความเสียหายกับAttributes MAN (+10%) 
สร้างความเสียหายกับAttributes SKY (-10%)
Voice Actor: Shitaya Noriko
Illustrator: Wada Arco
Traits: Divine, Female, Large, Servant, Weak to Enuma Elish

--------------

สกิลติดตัว
--------------

Territory Creation A

  • เพิ่มประสิทธิภาพ Arts CARD 10%.
The One Who Swallows the Earth EX
  • ไม่ติดสถานะเผาไหม้
Existence Outside the Domain B
  • ได้รับดาว 2 ดวงทุกๆเทิร์น
  • ต้านทานดีบัพ 8%.
Goddess' Essence A
  • เพิ่มดาเมจหลังการคำนวน 250
  • ต้านทานดีบัพ 25%.
---------------
สกิลใช้งาน
---------------
Self-Modification EX
  • เป้าหมาย: ตนเอง
  • คูลดาว์น [min]7-[max]5 Turn
  • เพิ่มแรงคริ [min]20-[max]50% 3 เทิร์น
  • เพิ่มอัตราดูดดาว [min]400-[max]800% 3 เทิร์น 
Aurea Porc Pocua: Golden Pig Grail A
  • เป้าหมาย: ตนเอง
  • คูลดาว์น [min]9-[max]7 Turn
  • ชาร์จเกจทันที [min]30-[max]50%
  • ฮีลตนเอง [min]1000-[max]3000
  • เพิ่มประสิทธิภาพ Buster Card [min]10-[max]20% 3 เทิร์น
  • เพิ่มความแรงของNP [min]30-[max]50% 3 เทิร์น
  • หลบ 1 ครั้ง 3 เทิร์น
Faceless Moon EX
  • เป้าหมาย: ตนเอง
  • คูลดาว์น [min]8-[max]6 Turn
  • ได้ดาวทุกๆเทิร์น [min]5-[max]10 ดวง
  • ล๊อกคอมมานด์การ์ด 3 เทิร์น หรือจนกว่าสมาชิกในปาร์ตี้จะตาย
--------------------------------
NP NP [Cursed Cutting Crater (C.C.C.)](Buster)(AOE) 3 hit++
สร้างความเสียหาย 300-500% ตามเลเวลโฮกุ
ลดเกจเป้าหมายทั้งหมด 1 ระดับ
OC 
มีโอกาสลดเกจ 1 ระดับ
10/20/30/40/50 ตามเลเวล OC 1/2/3/4/5
--------------------------------
สกิลแรก
     สกิลเพิ่มความแรงคริและรวบดาว เป็นสกิลที่ดีพอสมควรเพราะเพิ่มดาเมจคริได้สูงและตัวเธอเองยังมีสกิลที่มีผลแจกดาวทุกๆเทิร์นด้วย แต่เนื่องจากว่าคลาสนี้ชนะแค่อเวนเจอร์ และอเวนเจอร์ตอนนี้นั้นมีแค่เซอร์แวนท์ เป้าหมายหลักๆของเธอจึงน้อยไปหน่อย
สกิลสอง
     สกิลที่โครตแรง แรงพอๆกับคูลดาว์นที่ให้น่ะแหละ ด้วยผลลัพท์ที่ได้ให้มากถึง5อย่างคูลดาว์นเลยนาน แต่ก็ไม่ได้นานเวอร์ ยังพอมีโอกาสได้ใช้อีกพอสมควร โดยสกิลนี้จะให้ทั้ง หลบ ชาร์จเกจ ฮีลตนเอง เพิ่มแรงบัสเตอร์ และเพิ่มความแรงของโฮกุ จุดที่ดูแย่ของสกิลนี้นอกจากคูลดาว์นแล้วก็คือหลบ ซึ่งมันหลบแค่หนึ่งครั้งจึงมีความเสี่ยงพอสมควร เวลาใช้ระมัดระวังหน่อยก็โอเคแหละครับ
สกิลสุดท้าย
     สกิลสุดท้ายที่เป็นหนึ่งในสกิลที่ขี้โกงสกิลหนึ่งในเกม นอกจากให้ดาวทุกๆเทิร์นแล้วจะมีผลบังคับออกหน้าการ์ดชุดเดิมถึง 3 เทิร์น ซึ่งมักจะไม่ได้เอามาให้เธอใช้เองสักเท่าไหร่ แต่จะมาควบคู่กับตัวดาเมจดีลเลอร์ที่ต้องการหน้าการ์ดสวยๆสักหน่อย ซึ่งจะเป็นการบังคับให้เกิดการโจมตีรูปแบบเดิมถึง 3 ครั้งทีเดียว สกิลนี้มักจะใช้ในชาเลนจ์ต่างๆโดยรอจังหวะหน้าการ์ดสวยๆแล้วใช้สกิลนี้
--------------------------------
++ปิดที่ NP ++
โฮกุของBBนั้นไม่ค่อยมีอะไรมาเป็นพิเศษซึ่งนอกจากจะมีความแรงจากสกิลที่เพิ่มทั้งแรงบัสเตอร์และความแรงโฮกุแล้วจะมีผลเพิ่มเติมที่จะลดเกจศัตรู โอเวอร์ชาร์จเองก็มีผลไม่ต่างกัน ต่างกันที่ว่าผลโอเวอร์ชารืจมีโอกาสลดเกจด้วยโอกาสที่ต่ำมากเท่านั้นเอง แต่สำหรับตัวที่เป็นคีย์สำหรับการแสปมดาเมจแล้วแค่นี้เกินพอแล้วล่ะ
--------------------------------
ข้อดี
  • สามารถบังคับหน้าการ์ดได้
  • มีสกิลเอาตัวรอด
  • สกิล 1 เพิ่มความแรงคริได้และตัวเองยังมีสกิลแจกดาวด้วย
  • สกิล 2 มีผลดีอย่างมากถึง 5 อย่าง
  • สกิล 2 ชาร์จเกจได้สูงมาก และยังเพิ่มดาเมจโฮกุและบัสเตอร์การ์อีกด้วย
  • สกิล 3 นอกจากจะล๊อกหน้าการ์ดและยังแจกดาวทุกๆเทิร์นอีกด้วย
  • โฮกุลดเกจศัตรุได้ทั้งหมด
ข้อเสีย
  • อาจต้องรอหน้าการ์ดสวยๆสักนิด
  • การล๊อกหน้าการ์ดถ้ามีคนใดคนหนึ่งในปาร์ตี้ตายจะถูกยกเลิก
  • สกิล 2 หลบแค่ครั้งเดียว
  • ผลลดเกจจาก OC นั้นโอกาสต่ำมาก
=============
CE และวิธีใช้งาน
=============
CE แนะนำ(ซัพพอร์ท)
=================
  • Fragments of 2030
  • >>[ดาว 8 ดวงทุกๆเทิร์น]
  • >>[ดาว 10 ดวงทุกๆเทิร์น (แบบปลด)]
  • His Rightful Place
  • >>[ดาว 3 ดวงทุกๆเทิร์น/Start NP 30]
  • >>[ดาว 4 ดวงทุกๆเทิร์น/Start NP 50(แบบปลด)]
  • Golden Carp Figure
  • >>[ได้รับดาวทันที 15 ดวง/Start NP 30]
  • >>[ได้รับดาวทันที 20 ดวง/Start NP 50 (แบบปลด)]
  • Gilding the Lily
  • >>[ได้รับดาวทันที 15 ดวง/ART&Quick Card 8%]
  • >>[ได้รับดาวทันที 20 ดวง/ART&Quick Card 10% (แบบปลด)]
=================
กลุ่ม ใช้งานทั่วๆไป
=================
  • Aerial Drive
  • >>[Start NP 30/Buster Card 8%/NP Damge 8%]
  • >>[Start NP 50/Buster Card 10%/NP Damge 10%(แบบปลด)]
  • The Black Grail
  • >>[NP Damge 60%/เสียHPทุกๆเทิร์น เทิร์นละ 500 ]
  • >>[NP Damge 80%/เสียHPทุกๆเทิร์น เทิร์นละ 500 (แบบปลด)]
-----------------------------
เซอร์แวนท์ใช้งานร่วมกัน
-----------------------------
ใช้ควบคู่ตัวดาเมจ
**เน้นตัวโจมตีที่ตีได้รุนแรงและหากยิ่งแสปมโฮกุได้ยิ่งดี**

สายไม่ฟรีหรือยืมเพื่อน
ใช้แบบทั่วๆไป
-เวเวอร์
>>[ใช้สำหรับยิ่งโฮกุอย่างเดียว]
-เมอลิน ***แนะนำ***
>>[ทุกสกิลมีความสำคัญทั้งสิ้น]
>>[โฮกุ ฮีล/ให้ดาว/ให้เกจ]

=================

สายฟรี
=================
ฮานส์
>>[สกิล1พอใช้กับอาเทอร์เรียได้บ้าง สกิล 3 โกงมากให้อัพไว้] โฮกุเพิ่มพลังโจมต ป้องกัน และยังฮีลทั้งปาร์ตีด้วย
=================
ติดตามผลงานเก่าๆได้ใน
https://www.facebook.com/SodiumAdmin/
และ
https://www.youtube.com/channel/UCMpLg5eudkUuzKZeoDN4UpA

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เทพีเปเล่ เทพีภูเขาไฟแห่งหมู่เกาะฮาวาย




       กลับมาพบกับคอลัมม์ตำนานเกี่ยวกับเซอร์แวนท์อีกครั้งนะครับ ในครั้งนี้จะเป็นประวัติที่หาข้อมูลได้ค่อนข้างยากทีเดียวนั่นก็คือเทพีเปเล่ เทพีแห่งภูเขาไฟและแมกม่าอันร้อนระอุแห่งหมู่เกาะฮาวายผู้ดำรงอยู่ควบคู่กับอารยธรรมของชาวหมู่เกาะฮาวายนั่นเอง


       อนึงอีกเช่นเคยว่านี้เป็นบทความที่ผมเรียบเรียงมาจากหลายๆแหล่งแต่บทความนี้จะไม่ได้อ้างิงประวัติตามเกมแต่อย่างใดนะครับ 

       เทพีเปเลหรือบางที่เรียกว่ามาดามเปเลเป็นเทพธิดาแห่งภูเขาไฟ ซึ่งคนฮาวายเชื่อว่าเธอเป็นเทพีต้นกำเนิดของแผ่นดินใหม่ซึ่งมีหน้าที่ขยายให้เกาะใหญ่ขึ้น ตัวเทพีเปเล่นั้นมีพี่น้องอยู่หลายคน แต่คนที่เธอไม่ค่อยถูกกันเสียเท่าไหร่นั้นคือเทพีนามากาโอคาฮาอิ (Na-maka-okaha'i ขออภัยหากอ่านผิด) ซึ่งเป็นเธอผู้นี้เป็นเทพธิดาแห่งทะเล ซึ่งเทพีแห่งผู้นี้นั้นชอบทำให้น้ำท่วมบ้านเธอจึงทำให้เทพีเปเล่ต้องหนีขึ้นไปสร้างที่พำนักบนที่สูง ว่ากันว่าเทพีทั้งสองมักจจะทะเลาะกันบ่อยครั้งอีกด้วย โดยชาวฮาวายเชื่อว่าการระเบิดของภูเขาไฟนั้นมีสาเหตุมาจากความขุ่นเคืองของเทพีเปเล การไหลของลาวานั้นเปรียบได้ดังเวลาที่สองเทพีกำลังทะเลาะเบาแว้งกัน

       เทพีเปเลเป็นเทพีแห่งภูเขาไฟของฮาวาย โวลเคนิก กลาส(แก้วภูเขาไฟ) หรือส่วนของแมกมาที่เย็นลงอย่างรวดเร็วจนตาเรานั้นมองเห็นเป็นเส้น ๆ อย่างสวยงามนั้นถูกเรียกว่า "ผมของพระนางเปเล" ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทพีองค์นี้ ดังนั้นการที่เราไปหยิบฉวยอะไรจากภูเขาไฟนั้นถือว่าเป็นการไม่เคารพต่อเทพีภูเขาไฟผู้นี้อย่างมากและจะโดนลงโทษชนิดที่ว่าต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว  ซึ่งการหยิบหิน ทรายหรือหินภูเขาไฟออกจากเกาะฮาวายโดยไม่ได้รับอนุญาต เทพีเปเลจะสาปแช่งให้คนที่นำมันออกไปจากเกาะฮาวายพบแต่ความซวย บ่อยครั้งที่มีคนลองของว่าคำสาปของเทพีเปเลมีจริงไหมสุดท้ายก็ต้องรีบส่งสิ่งเหล่านั้นกลับไปที่ฮาวายในเวลาไม่นาน ความซวยที่มีคนเคยได้รับไปเป็นของแถมอาทิเช่น ธุระกิจล้มละลายไปโดยไม่ทราบสาหตุ คู่หมั้นขอเลิก ป่วยด้วยโรคประหลาด หัวใจวายเฉียบพลัน ฯลฯ แต่ว่าหากคนที่เอาไปนันส่งคืนกลับมาจะได้โชคดีกลับไป

       ด้านอุปนิสัยแล้ว ตามตำนานพื้นถิ่นได้เล่ากันว่าเทพีองค์นี้มีนิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจ อารมณ์แปรปรวน เวลาโกรธจะน่ากลัวมากถึงขั้นทำให้โลกสั่นสะเทือนเลยทีเดียว ว่ากันว่าเทพีเปเลนั้นมักจะปรากฏกายในรูปแบบหญิงสาวที่มีผมยาวงดงามหรือในบางครั้งก็อยู่ในรูปลักษณ์ของหญิงชราที่มีผมยาว ดังนั้นหากว่าพบหญิงชราที่มีผมยาวนั้นคุณต้องทักทายด้วยคำว่า Aloha (อาโลฮ่า)เท่านั้น หากเป็นการทักทายแบบอื่นเทพีอาจจะไม่พอใจและลงโทษเอาได้ ด้วยการทักทายง่ายๆเพียงเท่านี้คุณก็จะได้รับการคุ้มครองจากเทพธิดาภูเขาไฟเปเลแล้ว(โคตรง่าย)

       ความเชื่อในตำนานพื้นถิ่นแล้วนั้น หากมีต้องการที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองและปลอดภัยจากลาวาร้อนๆ ที่ประทุออกมาจากภูเขาไฟนั้น ให้ผู้ที่มีความประสงค์นั้นเทเหล้าลงบนปากปล่องภูเขาไฟ เฮเลมาอูมาอู(Halema’uma’u)และทำการถวายอาหารและดอกไม้ไปพร้อมๆกันเลย เครื่องเซ่นบูชาและแสดงความเคารพให้กับเทพีเปเล เทพีแห่งภูเขาไฟนี้จะทำให้เทพีพอพระทัยและปกป้องคุ้มครองคุณราวกับVIPเลยทีเดียว



       และก็ยังมีข้อห้ามเช่นกัน เทพีเปเลเกลียดหมูมากเพราะฉะนั้นห้ามขนส่งหมู่ผ่านทางปาลีเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหมูเนี่ยะเปรียบเสมือนตัวแทนของKamapua’a(คามาพัวอา)ลูกครึ่งเทพซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้นของเทพีเปล่เลยทีเดียว การที่พยายามที่จะนำเนื้อหมูข้ามผ่านโฮโนลูลูก็เหมือนว่าคุณกำลังจะพาคามาพัวอามาพบกับเทพีเปเลนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าเทพีเปเลจะสาปทุกคนที่นำหมูผ่านทางนั้นมาแน่นอน ทว่ามีทางแก้ไขอยู่เช่นกัน เพียงแค่หากคุณเห็นหญิงชราที่มากับสุนัขแล้วนั้นให้คุณนำเนื้อหมูที่นำมาด้วยนั้นให้สุนัขตัวนั้นกินจนพอใจ เพียงเท่านี้เทพธิดาเปเลก็ไม่พิโรธแล้ว ว่ากันว่าหญิงชราที่มากับสุนัขเทพีเปเลนี่แหละที่เป็นผู้ส่งมา

       แม้ว่าตำนานของเทพีเปเลผู้นี้จะมิได้มีเรื่องราวที่ยืดยาวและโลดโผนดังเช่นเทพหรือเทพีจากตำนานเก่าแก่ทั้งหลายแหล่แต่ตำนานของเธอก็ยังอยู่คู่กับหมู่เกาะฮาวาย ภูเขาไฟที่ยังคงปลดปล่อยแมกม่าเดือดพล่านนั้นก็เป็นดังหลักฐานการดำรงอยู่ของเทพีผู้ครองพลังแห่งธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ แม่กระทั่งวันนี้ก็ยังมีผู้อยากรู้อยากลองตำนานอาถรรพ์ของคำสาปเทพีแห่งภูเขาไฟผู้นี้อยู่ไม่เสื่อมคลาย คำสาปของเทพีภูเขาไฟผู้นี้กลายเป็นตำนานลี้ลับที่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ตราบจนปัจจุบัน


เรียบเรียงโดย SALT ADMIN
ขอบคุณข้อมูลก่อนการเรียบเรียงจาก
gotoknow.org และ spokedark.tv

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

รีวิว คลาสเบอร์เซอร์เกอร์ เพนเทซิเรีย




รีวิว เซอร์แวนท์ คลาสเบอร์เซอร์เกอร์ เพนเทซิเรีย
Penthesilea
รีวิว

ทดสอบการใช้

------------------------------
ATK 10,502 (LV. 80) 12,716 (LV.100)
HP 10,175 (LV. 80) 12,337 (LV.100)
สเตตัสนี้ยังไม่รวม โฟคุง 1000-2000 หน่วย
------------------------------
อัตราการดูดดาว 10
อัตราการสร้างดาว 4.9%
NP Charge ATK: 1.07%
NP Charge DEF: 5%
Command QABBB(Q3 A2 B2 EX5 hit)
Voice Actor: Shimamura Yuu‏‎
Illustrator: Shinjirō
Attributes: EARTH


  • ทำดาเมจกับ Attributes MAN +10%
  • ทำดาเมจกับ Attributes SKY -10%

Traits: Divine, Female, Humanoid, King, Servant, Weak to Enuma Elish

สกิลประจำตัว
Mad Enhancement EX


  • เพิ่มประสิทธิภาพ Buster Card 12%

Divinity B


  • เพิ่มตวามเสียหายหลังหารคำนวน 175 หน่วย

สกิลใช้งาน
Charisma B
เป้าหมาย: All Party


  • Cool down 7[min]-5[max] Turn
  • เพิ่มพลังโจมตี 9[min]-18[max] 3 turns.

Golden Rule (Beauty) A
เป้าหมาย: ตนเอง


  • Cool down 8[min]-6[max] Turn
  • ป้องกันสถานะผิดปกติ 3 เทิร์น
  • เพิ่มเกจทุกๆเทิร์นเทิร์นละ 10%[min]-20%[max] 3Turn

Bellow of Ares A+
เป้าหมาย: ตนเอง/All Party


  • Cool down 7[min]- 5[max] Turn
  • ทั้งหมดในปาร์ตี้เพิ่มประสิทธิภาพ Buster Card 10[min]- 20%[max] 3 Turn
  • ตนเองได้เพิ่มความเสียหายกับศัตรูที่เป็น เพศชายในตำนานกรีก 50[min]- 100%[max] 3 Turn


NP [Outrage Amazon](Buster)(ศัตรูเป้าเดี่ยว)(ฺ12 HIT)
สร้างความเสียหายแก่เป้าหมาย 600-1000% แรงตามเลเวลโฮกุ

Over Charge
ลดพลังโจมตีโจมตีของเป้าหมายลงด้วยอัตรา
 10/15/20/25/30 ตามเลเวล OC 1/2/3/4/5

การใช้งาน 
สกิลแรก
     สกิลแรกของเพนเทซิเรียนั้นเป็นสกิลเสริมพลังโจมตีธรรมดาๆ ที่เพิ่มพลังโจมตีได้สูงสุด 18% ซึ่งก็มากพอสมควร ข้อดีคือใช้งานง่ายและไม่มีเงื่อนไขใดๆ ข้อเสียคือธรรมดาไปหน่อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป

สกิลสอง

     สกิลที่สองของเพนเทซิเรียนั้นเป็นสกิลที่ใช้งานง่ายมากๆแถมผลลัพท์ยังดีเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งหลังจากเราใช้สกิลนี้แล้วดีบัพของศัตรูจะทำอะไรเราไม่ได้เลยเป็นระยะเวลา 3 เทิร์น แถมในระหว่าง 3 เทิร์นนั้นเราได้เกจทุกๆเทิร์นอีกด้วย ซึ่งถ้าอัพเต็มก็ได้ถึงเทิร์นละ 20% เลยทีเดียว

สกิลสุดท้าย

    สกิลที่สามของเพนเทซิเรียเป็นสกิลที่บัพเพิ่มบัสเตอร์ให้กับทั้งทีม ซึ่งเป็นสกิลที่ดีเพราะการคูลดาว์นของสกิลนี้นั้นไม่นานเลย พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือสำหรับเธอนั้นจะได้บัพโจมตีใส่เพศชายจากตำนานกรีกแรงขึ้นอีกด้วย ซึ่งกรณีนี้ก็แล้วแต่เคสไปถ้าต้องไปเจอชายกรีกจะใช้เธอตบให้หัวทิ่วก็ได้เพราะให้ดาเมจเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 2 เท่าทีเดียว

------------------------------
NP
NPของเพนเทซิเรียนั้นแทบจะไม่มีอะไรมากมาย ไม่มีอะไรให้หวือหวาใด ผลลัพท์มีเพียงอย่างเดียวคือ ลดพลังโจมตีของศัตรูซึ่งก็ไม่ได้ลดมากสักเท่าไหร่ แต่จุดขายของตัวเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักเท่าไหร่เพราะเธอเป็นเบอร์เซอร์เกอร์ที่ใช้เวลาเก็บเกจค่อนข้างเร็วทีเดียวซึ่งข้อนี้เป็นข้อดีที่หลายๆตัวในคลาสนี้ทำกันไม่ค่อยได้นะครับ
------------------------------
โดยรวมแล้วเพนเทซิเรียเป็นเบอร์เซอร์เกอร์ที่ใช้งานได้ดีตัวหนึ่ง จุดอ่อนเหมือนเบอร์เซอร์เกอร์ทั่วๆไปและไม่มีสกิลเอาตัวรอดด้วย แต่หากดูกันลึกๆแล้วเพนเทซิเรียจะเป็นตัวที่เก่งมากตัวหนึ่งทีเดียวเพราะตัวเธอใช้เวลเก็บเกจไม่นานเท่าเบอร์เซอร์เกอร์ทั่วๆไป และเธอยังมีสกิลบัพทั้งทีมอยู่สองสกิลที่โดยปกติแล้วคลาสนี้ไม่ค่อยจะมีกันด้วย ข้อดีอีกอย่างนึงของเธอคือมีสกิลที่ป้องกันดีบัพทั้งหมดซึ่งทำให้ดีบัพของศัตรูไม่เข้ามาระรานในระยะเวลาแสดงผลของสกิลอีกด้วย เป็นการการันตีว่าใน3เทิร์นนี้เราจะไม่ติดดีบัพหน้ารำคาญที่ทำให้เราเสียเวลาอันมีค่าไป
------------------------------
ข้อดี


  • มีสกิลเสริมพลังโจมตีทั้งปาร์ตี
  • มีสกิลเสริมประสิทธิภาพบัสเตอร์การ์ดให้ทั้งทีม
  • มีสกิลชาร์จเกจทุกๆเทิร์นทำให้โฮกุได้เร็ว
  • โฮกุลดพลังโจมตีของศัตรูได้
  • มีสกิลต้านทานดีบัพแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ระหว่างสกิลแสดงผลดีบัพจะทำอะไรเราไม่ได้
  • โจมตีศัตรูที่เป็นผู้ชายกรีกได้แรงมาก

ข้อเสีย


  • รับดาเมจ 2 เท่าตามข้อเสียของคลาส
  • ไม่มีสกิลเอาตัวรอด
  • ไม่มีสกิลพวกเจาะเกราะ โจมตีโดนชัวร์เพราะฉะนั้นหากศัตรูหลบบ่อยๆก็ลำบาก
  • ผลเสริมสกิล 3 ได้คนเดียวและเฉพาะเจาะจงอย่างมาก

------------------------------
CE ที่น่าสนใจสวมใส่

กลุ่มใช้งานบ่อย

Limited / Zero Over
>>[Buster +25%]
>>[Buster+30% (แบบปลด)]

Art of Death
>>[ตีประเภทมนุษย์ 25%]
>>[ตีประเภทมนุษย์ 30% (แบบปลด)]

Aerial Drive
>>[Buster +8%/NP Dmg +8%/Start NP 30]
>>[Buster +10%/NP Dmg +10%/Start NP 50(แบบปลด)]

=================
กลุ่ม CE เอาตัวรอด
=================

Volumen Hydrargyrum
>>[อมตะ 3 ครั้ง(จนกว่าจะมีการใช้งาน)/เพิ่มดาเมจ 300]
>>[อมตะ 3 ครั้ง(จนกว่าจะมีการใช้งาน)/เพิ่มดาเมจ 500]

============

กลุ่ม คามิคาเซ่
============
Ox-Demon King
>>[เพิ่ม Buster +10% 3 turns(เมื่อตัวที่สวมเข้ามาในสนาม)]
>>[เพิ่ม Buster +15% 3 turns(เมื่อตัวที่สวมเข้ามาในสนาม)(แบบปลด)]

-----------------------------
เซอร์แวนท์ซัพพอร์ท
-----------------------------
กลุ่มหายาก

เวเวอร์
>>[สกิลโจมตีและป้องกันมีความสำคัญที่สุด]

เมอลิน (ข้อดีคือหลังจากเริ่มใช้โฮกุแล้วการทำงานของทีมจะเริ่มเร็วขึ้น)
>>[ทุกสกิลมีความสำคัญทั้งสิ้น]
>>[โฮกุ ฮีล/ให้ดาว/ให้เกจ]

ไรเนส
>>[ทุกสกิลมีความสำคัญทั้งสิ้น]
>>[โฮกุ ทำให้โดนตีไม่แพ้คลาส/ลดพลังป้องกันได้]

======

สายฟรี
======
เชคสเปียร์
>>[เฉพาะสกิล1และ3ที่มีความสำคัญ สกิล3ไม่ต้องอัพเวลก็ได้]
เหมาะกับแพคเกจOx-Demon King หรือ Golden Carp Figure

ลีโอไนดัส 
>>[สกิล1 และ 3 มีความสำคัญ][โฮกุใช้ปกป้องเพื่อนร่วมทีมและยังให้ดาวด้วย]
เหมาะกับแพคเกจOx-Demon King หรือ Golden Carp Figure

Paul Bunyan(ซัพพลีชีพ)
[สกิล1 และ 3 มีความสำคัญ][โฮกุถ้ามีโอกาสก็ลดป้องกันได้อีก]
เหมาะกับแพคเกจOx-Demon King หรือ Golden Carp Figureอีกตัว
-----------------------------------
ติดตามผลงานอื่นได้ใน
https://www.facebook.com/SodiumAdmin/
ติดตามคลิปรีวิว/อื่นๆได้ใน
https://gaming.youtube.com/channel/UCMpLg5eudkUuzKZeoDN4UpA



วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ฌาน ดาร์ก นักบุญหญิงผู้กอบกู้แผ่นดินเกิด


     กลับมาอีกครั้งกับบทความเกี่ยงกับประวัติศาสตร์และบุคคล รอบนี้จะเป็นตัวบุคคลซึ่งก็เป็นคนดังที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก นั่นก็คือนักบุญหญิงโจนออฟอาร์คหรือฌาน ดาร์กนั่นเอง

     อธิบายไว้ที่นี่ก่อนเช่นเคย บทความนี้มาจากการเรียบเรียงโดยความเข้าใจของผมเอง และมาจากบทความที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์โดยมิได้เกี่ยวข้องกับประวัติและความสัมพันธ์ในเนื้อเรื่องของเกมแต่อย่างใด

     โจนออฟอาร์ก หรือ ฌาน ดาร์ก เกิดในครอบครัวชาวนาเมื่อปี ค.ศ. 1412 ในหมู่บ้านโดมเรมีประเทศฝรั่งเศส ซึ่งโดมเรมีบ้านเกิดของโจนตั้งอยู่บริเวณชายแดนเขตอำนาจของมกุฏราชกุมารที่เป็นราชวงศ์ของฝรังเศสและฝ่ายเบอร์กันดีที่อยู่ข้างอังกฤษด้วยเหตุนี้สถานการณ์ที่เมืองบ้านเกิดของเธอในสมัยนั้นจึงค่อนข้างแย่เป็นอย่างมาก

     ขอเกริ่นไว้ตรงนี้ก่อน ยุคสมัยที่โจนมีชีวิตอยู่นั้นคือยุคที่ฝรั่งเศสอยู่ระหว่างช่วงการทำสงครามกับประเทศอังกฤษซึ่งสงครามนั้นถูกเรียกขานในนามที่รู้จักกันว่า “สงครามร้อยปี” ต้นเหตุของสงครามร้อยปีนั้นมาจากการแย่งราชบัลลังก์โดยมกุฏราชกุมารชาลส์(ซึ่งต่อมาคือกษัตริย์ชาลส์ที่7)และฝ่ายเบอร์กันดีที่เขาข้างประเทศอังกฤษ ซึ่งความขัดแย้งได้ยืดเยื้อบานปลายอย่างยาวนานสร้างความเสียหายให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างมาก

     เวลานั้นทางมกุฏราชกุมารชาลส์ได้อ้างสิทธิในขึ้นครองราชย์ทว่ากลับไม่สามารถประกอบพิธีราชาภิเษกได้ เนื่องด้วยราชประเพณีของฝรั่งเศส พิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ฝรั่งเศสต้องทำที่เมืองแร็งส์ (Reims) แต่เมืองแห่งนี้กลับอยู่ในการปกครองของฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีผลทำให้พระองค์ไม่สามารถประกอบพิธีราชาภิเษกได้ ทำให้สถานะในบัลลังก์ในตอนนั้นของกษัตริย์ชาลส์ที่7ยังไม่มั่นคงเท่าใดนัก

     ภายใต้ภาวะที่สั่นคลอนจากความขัดแย้งของสองฝ่ายนั้นไม่มีผู้ใดเลยที่จะรู้ว่าเวลานี้นั้นกำลังจะเป็นเวลาที่จะเกิดวีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศฝรังเศษ โจนบุตรีของชาวนาผู้เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาๆ นั้นกลายได้กลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นำพาพวกพ้องกอบกู้แผ่นดินเกิดและขับไล่อังกฤษ โจนในวัย 16 นั้นอ้างว่าเธอได้รับ“เสียงสวรรค์” ซึ่งบอกเธอผ่านทางจากนักบุญ 3 ท่านคือ เซนต์ไมเคิล เซนต์แคเธอรีนและเซนต์มากาเร็ต โดยเสียงสวรรค์นั้นได้ให้เธอช่วยมกุฏราชกุมารชาลส์ได้ขึ้นครองราชย์

     โจนที่ได้ยินเสียงแห่งสวรรค์นั้นเดินทางจากบ้านเกิดที่แสนห่างไกลไปยังเมืองวูคูเลอร์ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของฐานทัพที่ภักดีต่อชาลส์เพื่อขอเข้าร่วมรบแต่ถูกปฏิเสธ กระนั้นเธอก็ยังเดินทางไปยังวูคูเลอร์อีกครั้งโดยมิได้ยอมแพ้ ด้วยความแน่วแน่และบุคคลิกของเธอทำให้หลายๆคนศรัทธาและทำให้เธอได้รับการยอมรับจากเหล่าทหาร ซึ่งทำให้เธอได้ร่วมเดินทางไปยังชีนงเพื่อเข้าเฝ้าชาลส์

     กษัตริย์ชาลส์เมื่อทราบว่ามีสตรีนางหนึ่งอยู่ในกองทัพก็ทรงสงสัยในตัวเธอไม่น้อย ทรงลังเลว่าจะให้โจนได้เข้าเฝ้าหรือไม่และกษัตริย์ชาลส์ก็ยอมให้เธอเข้าเฝ้าใน2วันต่อมา ซึ่งโจนจึงได้บอกความตั้งใจของตนกับกษัตริย์ชาลส์ว่าเธอต้องการออกรบเพื่อขับไล่อังกฤษออกจากบ้านเกิดทั้งยังบอกเรื่องเสียงจากสวรรค์ที่บอกให้เธอช่วยเหลือให้กษัตริย์ชาลส์ได้ประกอบพิธีราชาภิเษกที่เมืองแร็งส์ด้วย 


     การที่เธออ้างว่าได้ยินเสียงจากสวรรค์นั้นทำให้เธอต้องถูกทดสอบและไต่สวนโดยเหล่านักบวช โจนอ้างกับเหล่านักบวชไปว่า เธอจะพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ด้วยภารกิจที่เธอได้รับจากสวรรค์ซึ่งก็คือในการสู้รบที่เมืองออร์เลอองส์(Orleans) ซึ่งหลายฝ่ายในฝั่งฝรังเศสในเวลานั้นได้แนะนำให้ใช้ประโยชน์จากความพิเศษของเธอในการออกศึกครั้งนี้ ซึ่งชาลส์ก็มอบกำลังทหารกองเล็กๆให้กับเธอเพื่อเดินทางไปยังออร์เลอองส์ 

     การมาถึงของโจนและกำลังเสริมพร้อมเสบียงช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารฝรั่งเศส เธอนำทัพออกรบหลายครั้ง ซึ่งในการรบเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1429 เธอก็ถูกทหารอังกฤษยิงด้วยธนูซึ่งหลังจากที่เธอทำแผลเพียงไม่นานก็รีบรุดกลับมาที่สนามรบ การกลับมาของเธอนั้นสร้างแรงกระตุ้นอย่างมหาศาลให้กับทหารฝรั่งเศสและนั่นทำให้ทหารอังกฤษเสียเปรียบอย่างมาก และเมื่อการรบผ่านไประยะหนึ่งกองทัพอังกฤษที่เสียเสียท่ากองทัพฝรั่งเศสก๋ตัดสินใจถอนทัพออกจากออร์เลอองส์ในวันถัดมา

     หลังจาการได้รับชัยชนะที่ออร์เลอองส์นั้นในช่วง 5 สัปดาห์หลังจากนั้น ทางกองทัพฝรั่งเศสยิ่งได้รับข่าวดีมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้ชัยชนะเหนือทัพอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันที่ 16 กรกฎาคมเมื่อข่าวนี้มาถึงกองทัพฝั่งตรงข้ามก็พวกเขาก็เสียขวัญอย่างมาก ส่งผลให้เมืองแร็งส์ยอมให้กองทัพฝรั่งเศสที่นำโดยโจนและชาลส์เข้ามาในเมืองแต่โดยดี และวันถัดมาหลังจากที่ชาลส์มาถึงเมืองแรงค์เขาก็ได้ประกอบพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสตามราชประเพณีและเป็นกษัตริย์โดยสมบูรณ์

     โจนได้นำทัพร่วมศึกหลายครั้งหลายครา ซึ่งตัวตนของเธอนั้นเป็นรากฐานกำลังใจของทหารฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่เธอฝืนตัวเองและพาสังขารที่บาดเจ็บเข้าสู่สนามรบเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจแก่เหล่าทหารหาญ หลายครั้งหลายคราที่ทหารที่ได้รับการกระตุ้นกำลังใจนั้นมีแรงต่อสู้ต่อไปและได้รับชัยชนะแต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นตลอดไป

     ศึกสุดท้ายของวีรสตรีผู้นี้คือการศึกกับฝ่ายเบอร์กันดีในเมืองคองเพียญน์ (Compiègne) ซึ่งเธอสามารถขับไล่ฝ่ายเบอร์กันดีไว้ได้ 2 ครั้ง แต่สุดท้ายเธอก็ถูกฝ่ายเบอร์กันดีจับตัวไว้ได้ในวันที่ 23 พฤษภาคม 1430 โดยความช่วยเหลือจากกองทัพอังกฤษ ก่อนที่ฝ่ายเบอร์กันดีจะขายตัวเธอให้กับอังกฤษด้วยค่าหัว 10,000 ฟรังส์ โดยมีคณะเทววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยปารีสซึ่งเข้าข้างฝ่ายอังกฤษเป็นตัวกลางในการเจรจา ขณะที่กษัตริย์ชาลส์ที่ 7 ก็มิได้พยายามช่วยเหลือเธอแต่อย่างใดเนื่องจากพระองค์กำลังพยายามหาข้อตกลงในการสงบศึกกับฝ่ายเบอร์กันดี

     แน่นอนว่าเมื่อตัวเธอตกอยู่ในมือของฝั่งอังกฤษแล้วเธอก็ต้องถูกพิจารณาโทษจากฝ่ายอังกฤษ ซึ่งการกระทำของเธอที่ทำให้กองทัพอังกฤษต้องพ่ายแพ้หลายครั้งหลายครานั้นก็ทำให้ฝ่ายอังกฤษไม่พอใจอย่างมาก โจนถูกส่งตัวต่อไปเพื่อไต่สวนโดยตั้งข้อหาว่าประพฤติตนนอกรีตและเป็นแม่มดเพื่อให้ได้รับโทษสูงสุดและเพื่อเป็นการลดความน่าเชื่อถือของกษัตริย์ชาลส์ที่ 7แห่งฝรั่งเศส แน่นอนว่าด้วยความย่ำแย่ของระบบยุติธรรมในสมัยนั้นเมื่อมีผู้ใดที่เข้าข่ายมีความผิดโดยมากก็มักจะมีจุดจบที่เลวร้าย แน่นอนว่าสำหรับคนต่างบ้านต่างเมืองและเป็นศัตรูของกองทัพอังกฤษนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะต้องโดนลงโทษหนักขนาดไหน แต่แม้ว่าจะมีการลงโทษทรมานเธอเพียงใดโจนก็ยังไม่ยอมรับสารภาพในความผิดที่ทางฝ่ายอังกฤษได้ยัดเยียดเอาไว้ และนั่นทำให้อังกฤษสั่งประหารเธอในฐานแม่มดด้วยการเผาทั้งเป็น

     ในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ.1431 โจนถูกเผาทั้งเป็นด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีตจบชีวิตด้วยวัยเพียง 19 ปี ภายหลังเหตุการณ์นี้ 20 ปี ครอบครัวของโจนได้ทำเรื่องฎีกาเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริงของโจน ซึ่งกษัตริย์ชาลส์ที่ 7 เองได้สั่งให้รื้อคดีของโจนขึ้นมาสอบสวนใหม่อีกครั้ง และผลจากการสอบสวนใหม่ทั้งหมดนี้ปีแยร์ โกชงตัวการที่ใส่ความโจนนั้นถูกตัดสินว่าเป็นผู้นอกรีตเพราะเป็นผู้ลงโทษผู้บริสุทธิ์เพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตนเองซึ่งแม้ว่าเจ้าหมอนี่จะเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้รับการลงโทษแต่ชื่อของเขาก็ถูกประนามในฐานะคนชั่วที่เลวร้ายที่สุดคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ท้ายที่สุดแล้วนั้นทางวาติกันประกาศให้ฌานเป็น“มรณสักขี”มีการเลื่อนลำดับขึ้นขึ้นตามลำดับและท้ายสุดได้แต่งตั้งให้เธอเป็นนักบุญแห่งคลิสตจักรคาทอลิกในปี ค.ศ. 1920

     ความสัมพันธ์ของโจนกับกิลส์ เดอ เรยส์ หรือจิล เดอ เรยส์ นั้นครั้งแรกที่เขาได้พบโจนคือช่วงที่เขาถูกกษัตริย์ชาลส์เรียกพบ จิลประทับใจในตัวโจนมากถึงขนาดเข้าร่วมพิธีสาบานตนเพื่อร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่โจนนับตั้งแต่นั้น เธอเป็นดังแสงนำทางให้กับจิลที่หลงทางในความมืดตลอดมา การเสียชีวิตของโจนด้วยการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมนั้นทำให้จิลรู้สึกชิงชังทุกสิ่งและเลือกที่หันหลังให้กับพระเจ้าอีกครั้ง เขากลายเป็นผู้เลื่อมใสในมนต์ดำและศาสตร์มืดซึ่งการที่จิลกลายเป็นผู้หลงไหลในมนต์ดำนั้นทำให้มีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายถึง 1,500 คนเลยทีเดียว

     แม้ว่าโจนออฟอาร์คจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วเรื่องราวชื่อเสียงและคุณูปการของนักบุญหญิงผู้นี้ก็ยังคงอยู่บนโลกนี้ต่อไป เรื่องราวของเธอนั้นสร้างแรงบันดาลใจให้นักสร้างสรรค์หลายคนนำไปหยิบยกเป็นเรื่องราวในงานเขียนงานประพันธ์หลายต่อหลายชิ้น แม้กระทั่งเกมหรือการตูนก็มีการหยิบยกเรื่องราวและชื่อของเธอไปใช้อยู่บ่อยๆอีกด้วย

     ไม่ว่าเรื่องราวในอดีตที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร โจนจะได้ยินเสียงของพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่นั้นผมคิดว่ามันมิได้สำคัญ เรื่องเหล่านั้นมิได้เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่ว่าวีรสตรีผู้นี้นั้นเป็นผู้ที่รักแผ่นดินเกิดโดยแท้จริงได้ วีรกรรมของเธอนั้นได้ถูกกล่าวขานจวบจนปัจจุบันและถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นำปวงชนกอบกู้แผ่นดินเกิด


เรียบเรียงโดย

Salt Admin
ขอบคุณข้อมูลก่อนการเรียบเรียงจาก 
wikipedia และ silpa-mag.com

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ตำนานต้นกำเนิดกลุ่มดาวปู กลุ่มดาวแห่งเดือนกรกฎาคม




     กลับมาในบทความเกี่ยวกับตำนานอีกครั้ง รอบนี้จะเป็นตำนานที่เกี่ยวข้องกับหมู่ดาวบนฟากฟ้าและเกี่ยวของกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ผู้มีนามว่าเฮราเครสและหนึ่งในภารกิจที่ยิ่งใหญ่ทั้ง12ของเขา ซึ่งวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับตำนานการเกิดกลุ่มดาวแห่งเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นเดือนนี้น่ะแหละ 

     เรื่องกลุ่มดาวนี้ต้องเท้าความถึงวีรบุรุษขวัญใจมหาชนชาวกรีกนามเฮราเครสเสียก่อน ซึ่งเฮราเครสผู้นี้นั้นใครก็ต่างรู้กันว่าเป็นบุตรของซุสมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาโอลิมปัส แน่นอนว่าในบรรดาลูก(ชู้)ของซุสทั้งหลายแหล่นั้นเฮร่าหรือจูโนนั้นมีความห่วงหาอาทรกันมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่การส่งงูพิษไปกัดให้ตายตอนเป็นทารก ก่อกวนภารกิจทั้งหลายแหล่ที่เฮราเครสรับมาทำ หรือแม้กระทั่งสาปให้คลั่งจนพลั้งมือฆ่าลูกเมียตัวเอง ซึ่งต้องบอกเลยว่าแม้ว่าซุสจะมีลูก(ชู้)คนอื่นแต่เฮราเองก็ไม่ได้ระรานมากในระดับเดียวกับเฮราเครส ซึ่งหากลองคิดดูดีๆแล้วชื่อของเจ้าตัวนี่แหละที่เป็นปัญหาเพราะเฮราเครสดันไปมีความหมายว่า "ความรุ่งโรจน์ของเฮราหรือบางที่ก็แปลว่าเกียรติของเฮรา" ซึ่งหากว่าเป็นลูกของเฮราเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่นี่มันเป็นชื่อของลูกชู้น่ะสิ ทีนี้พระแม่เองก็ปรี๊ดแตกตลดเวลาที่เห็นหน้าเฮราเครสเลยล่ะ เพื่อนๆลองคิดดูว่าถ้าแฟนคุณไปมีชู้แล้วมีลูก แถมลูกชู้ดันชื่อมีความหมายว่า "เป็นเกียรติแด่..." แล้วคุณจะคิดยังไง ปรี๊ดแตกใช่ไหมล่ะ?

     เฮรานั้นมักจะใช้เวลาว่างกับการสร้างปัญหาให้ลูกซุสผู้นี้เสมอๆ เรียกได้ว่าหากว่างตอนไหนก็ลงมือตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่อารมณ์ไม่ดีหรือช่วงประจำเดือนไม่มาก็ตามที และนั่นเป็นเหตุให้เฮราเครสได้รับมหาภารกิจ 12 ประการมา

     และหนึ่งในนั้นคือภารกิจปราบไฮดร้าซึ่งก็ตามเคยว่าพระแม่คงไม่ยอมให้เฮราเครสทำงานสำเร็จง่ายๆอยู่แล้ว อนึงการปราบไฮดร้านั้นเป็นภารกิจที่อันตรายมากเพราะพิษของไฮดร้านั้นสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตได้อย่างง่ายดาย ลมหายใจของไฮดรานั้นอันตรายถึงขนาดที่ทำให้ผู้ที่หายใจสิ้นใจได้ในเวลาไม่นาน ซ้ำร้ายเจ้าไฮดร้าตัวนี้ดันงอกหัวที่ถูกตัดขาดได้เรื่อยๆชนิดที่ว่าไม่มีจำกัดอีกต่างหาก ซึ่งหากพูดถึงเชื้อสายของวงศ์ตระกูลนั้นนั้นเจ้าไฮดราถือว่าเป็นทายาทของไทฟอนและอีคิดนาซึ่งเป็นถึงหลานของไกอาเลยทีเดียว 



     ภารกิจก็ว่ายากแล้ว แต่ว่าพระแม่ไม่มีความเมตตาแก่ลูกชู้คนนี้แม้แต่นิดเดียว นางเห็นว่าเวลานี้นั้นเป็นโอกาสดีที่จะกำจัดเฮราเครสลงที่นี้ และนั่นทำให้นางส่งปูยักษ์ตัวหนึ่งเข้ามาก่อกวนเฮราเครสระหว่างที่เขากำลังสู้กับไฮดร้าอยู่ แน่นอนว่าเมื่อพระแม่แห่งสรวงสวรรค์สั่งมาแล้วใครจะกล้าขัดบัญชาปูยักษ์ที่แสนสัตย์ซื่อมุ่งหน้าเข้าไปต่อกรกับวีรบุรุษเฮร่าเครสตามบัญชาในทันที มันต่อสู้อย่างห้าวหาญ(ซะที่ไหนล่ะ!!) แล้วสุดท้ายเจ้าปูผู้กล้าหาญนั้นก็โดนเฮราเครสเหยียบตายอย่างจืดจางโดยที่เฮราเครสนั้นยังไม่รู้ตัวเลยว่าบนพื้นนั้นมีเจ้าปูตัวนี้อยู่ ด้วยความกล้าหาญอันนี้ราชินีแห่งสวรรค์จึงบันดารให้มันไปเกิดเป็นกลุ่มดาวปูบนฟากฟ้า

     บางตำนานได้บอกว่า เจ้าปูนี้เฮราไม่ได้ส่งมาขัดขวางเฮราเครสเพียงแต่ว่ามันเป็นเพื่อนกับเจ้าไฮดร้าอยู่ก่อนแล้ว ในระหว่างที่เฮราเครสกำลังบวกกับไฮดร้าอยู่เจ้าปูก็พยายามช่วยเหลือสหายด้วยการหนีบเท้าเฮราเครส ซึ่งจุดจบก็ไม่ต่างกันก็คือโดนเฮราเครสเหยียบตายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้อีกน่ะแหละว่าเจ้านี่อยู่บนพื้น เฮราที่ซาบซึ้งต่อความรักที่มีต่อสหายของเจ้าปูตัวนี้จึงเนรมิตให้มันไปเกิดเป็นกลุ่มดาวปูบนฟากฟ้าเคียงคู่กับไฮดร้าสหายของมัน

     แม้กระทั่งวันนี้กลุ่มดาวปูก็ยังส่องประกายบนฟากฟ้าขับขานตำนานความกล้าหาญของมันต่อไป หมู่ดาวปูนั้นยังคงเปล่งประกายแสงกระจิ๊ดริดของมันต่อไปดังความจืดจางในตำนานของมัน ทุกวันนี้มันก็ยังคงส่องสว่างบนท้องฟ้าไปพร้อมๆกับกลุ่มดาวงูไฮดราสหายรักของมัน

"ด้วยอานิสงค์อันประเสริฐจงไปเกิดเป็นดวงดาวเหอะเอ็ง" ทวยเทพโอลิมปัสได้กล่าวเอาไว้ (ไม่เคยถามเลยว่าเขาอยากไปเกิดใหม่เป็นดาวไหมพวกเอ็ง)
เรียบเรียงโดย Salt Admin

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

รีวิว: Uesugi Kenshin


เซอร์แวนท์แลนเซอร์แปดบุปผา: Uesugi Kenshin

ทดสอบการใช้งาน อุเอสึงิ เคนชิน

รีวิวBy Youtube



ATK 9,617 (LV.80 ) 11,644 (LV.100)
HP 11,360 (LV. 80) 13,774 (LV.100)
สเตตัสนี้ยังไม่รวม โฟคุง 1000-2000 หน่วย
เพศ : หญิง
Voice Actor: Mizuki Nana
Illustrator: Takeuchi Takashi
Attributes: Man
ทำดาเมจกับ Attributes Sky +10%
ทำดาเมจกับ Attributes Earth -10%
Traits: Divine, Female, Humanoid, Riding, Servant, Weak to Enuma Elish

อัตราการสร้างดาว 12.2%
อัตราการดูดดาว 89
NP Charge ATK: 0.45%
NP Charge DEF: 4%
Command QAABB(5 4 2 EX 5 hit)
----------------------------------
++สกิลติดตัว++
Magic Resistance C
  • ต้านดีบัพ 15 %
-Riding C
  • เพิ่มประสิทธิภาพ Quick CARD 6%
Divinity C
  • เพิ่มดาเมจหลังการคำนวน 150 หน่วย
----------------------------------
สกิลใช้งาน
Fate is in Heaven A
เป้าหมาย: ตนเอง
คูลดาว์น: [min]7-[max]5
  • เพิ่มประสิทธิภาพ ART CARD [min]20-[max]30% 1 เทิร์น
  • เพิ่มอัตราดูดดาว 300-500% 3 เทิร์น
Armor is on the Chest A
เป้าหมาย: ตนเอง
คูลดาว์น: [min]7-[max]5
  • ได้รับสถานะ "หลบ" 1 เทิร์น
  • เพิ่มอัตราเร่งเกจ 20-30% 1 เทิร์น
Accomplishment is in the Feet A
เป้าหมาย: ทั้งทีม
คูลดาว์น: [min]8-[max]6
  • ทั้งหมดได้รับพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 10-20% 3 เทิร์น
  • ทั้งหมดได้รับพลังโจมตีคริติคอลเพิ่มขึ้น 10-20% 3 เทิร์น
  • ทั้งหมดได้รับอัตราการได้รับดาวเพิ่มขึ้น 10-20% 3 เทิร์น
----------------------------------
NP [Biten-Hassō Kuruma Gakari no Jin] (ART) 8 hit
  • สร้างความเสียหาย 900-1500%
  • ล้างบัพด้านการโจมตีของศัตรูทิ้งทั้งหมด
บัพโจมตี
Over Charge
  • ลดโอกาสคริติคอลของเป้าหมาย
  • 20/30/40/50/60 ตามเลเวล OC 1/2/3/4/5
----------------------------------
ด้านสกิล
สกิลแรก
     สกิลสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพอาร์ทการ์ด จะเป็นสกิลที่แสดงผลได้ดีที่สุดตอนที่หน้าการ์ดสวยๆและมีดาวให้พอสมควร แต่หากใช้นอกเหนือจากที่กล่าวมาก็ยังเป็นสกิลที่ดีอยู่ดีแค่ความน่ากลัวจะลดลงไปพอควร ข้อเสียคือ เทิร์นเดียวหมด
สกิลสอง
     สกิลอีกสกิลที่ดี เพราะได้ทั้งหลบและอัตราการเร่งเกจ ยิ่งมีดาวให้และหน้าการ์ดสวยๆล่ะก็อิ่มไปเลย ทว่าข้อเสียก็แบบเดียวกับข้อแรกน่ะแหละก็คือเทิร์นเดียวหมด
สกิลสุดท้าย
     สกิลสุดท้ายที่ติดนานที่สุด ด้านความสามารถอาจจะดูว่าธรรมดาไปนิด แต่มันไม่ธรรมดาน่ะเพราะมันเหมือนกับสกิลของอิชทาร์อาร์เชอร์ที่อัพเกรดมานิดนึง แม้ว่าจะคูลดาว์นเพิ่มมา1เทิร์นก็นับว่าเป็นสกิลที่ดีอยูดีครับ และที่สำคัญ มันอยู่นานถึง3เทิร์นทีเดียว

NP
     โฮกุของเคนชินเป็นโอกุเดี่ยวที่จัดว่าฝากผีฝากไข้ได้ดีเลยทีเดียว อาจจะไม่ทันใจหลายๆคนเพราะไม่มีชาร์จเกจทันทีตามสมัยนิยมแต่คุณภาพก็จัดว่าดีเลยทีเดียว ผลเสริมล้างบัพโจมตีนั้นมีไว้แก้ทางพวกบ้าพลังที่เอาแต่บัพจนน่ารำคาญใจได้ดีเยี่ยมซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดแต่ก็จัดว่าทำมาได้ดีพอสมควรเลย ด้าน OC นั้นไม่ได้ถือว่าแย่เพราะการลดโอกาสคริของศัตรูลงทำให้เรายืนได้นานขึ้นด้วย

ภาพรวม
     เคนชินจัดว่าเป็นแลนเซอร์ที่น่าใช้งานมากเลยทีเดียว เพราะสกิลต่างๆน้นใ้ง่ายและไม่ต้องรอจังหวะอะไรมากมาย ด้วยจำนวนฮิตที่มีจำนวนเยอะจึงสามารถเอามาใช้งานกับCE หรือCCได้หลากหลายรูปแบบ วิธีการเล่นใช้ได้ทั้งโจมตีด้วยคริติคอลและโจมตีด้วยโฮกุซึ่งโฮกุจะได้ผลดีมากกับตัวที่ชอบบัพเกี่ยวกับการโจมตี และเป็นอีกตั้วหนึ่งที่มีสกิลครบเครื่อง เป็นตัวที่ดีมากแม้สกิล2สกิลจะเป็นสกิลที่มีผลแค่1เทิร์นก็ตามที ส่วนเรื่องนักพากย์อันนี้แล้วแต่นะครับแต่หลายคนอวยนักพากย์ท่านนี้แหละ

ข้อดี
-สกิลครบเครื่อง
-โฮกุสามารถกำจัดตัวน่ารำคาญที่ชอบบัพโจมตีได้ดี
-สามารถลดอัตราการเกิดคริศัตรูได้ด้วยโฮกุ
-สกิล 1 สามารถเสริมARTได้ซึ่งใช้กับหน้าการ์ดของเธอได้ดี
-สกิล 2 นอกจากจะหลบการโจมตีได้แล้วยังช่วยเร่งเกจอีกด้วย
-สกิล 3 มีผลทั้งปาร์ตี้ซึ่งใช้งานได้ดีทั้งเพิ่มการปั่นดาว เพิ่มแรงคริ แถมยังเพิ่มพลังโจมตีอีกด้วย
-ดาเมจจากโฮกุแรงเอาเรื่องเลย
-ตัวฟรี
ข้อเสีย
-ผลสกิล 1-2 หมดเร็วเกินไป
-โฮกุล้างได้แค่บัพเกี่ยวกับการโจมตี
-ผลลดอัตราการเกิดคริของศัตรูนั้นหากจะให้ได้ผลต้องOC

CE ที่น่าสนใจสวมใส่
CE แนะนำ
Art of Death(โอกาสใช้งานค่อนข้างบ่อย)
>>โจมตีประเภทมนุษย์ 25%
>>โจมตีประเภทมนุษย์ 30% (แบบปลด)
Another Ending
>>Arts 10%/Cri dmg 20% 
>>Arts 15%/Cri dmg 25%(แบบปลด)
Formalcraft
>>ART +25%
>>ART +30% (แบบปลด)
Royal Icing
>>ART +10%/ดาเมจโฮกุ 20%
>>ART +15%/ดาเมจโฮกุ 25% (แบบปลด)
God of War
>>ART +8%/ดาเมจโฮกุ 8%/อัตราการเร่งเกจ 8%
>>ART +10%/ดาเมจโฮกุ 10%/อัตราการเร่งเกจ 10% (แบบปลด)

กลุ่ม คริติคอล
Hot Spring of the Moon
>>Cri dmg 20%/ให้ดาวทุกเทิร์น 3 ดวง 
>>Cri dmg 25%/ให้ดาวทุกเทิร์น 4 ดวง (แบบปลด)
Talk of The Hot Sands
>>ดูดดาว 400%/Cri dmg 20%
>>ดูดดาว 600%/Cri dmg 25%(แบบปลด)

เซอร์แวนท์ซัพพอร์ท
สายไม่ฟรีหรือยืมเพื่อน
ทามาโมะ โนะมาเอะ
>>สกิล1และ3สำคัญ
>>โฮกุ ฮีล/ให้เกจ/ลดคูลดาว์น 
เวเวอร์
>>แทบจะทุกสกิล แนะนำให้เต็ม โดยเฉพาะ ATK
>>โฮกุ ตามแต่โอกาส

สายฟรี
ฮานส์
>>เฉพาะสกิล1และ3ที่มีความสำคัญกับสายคริอย่างมาก(สกิล3 ช่วยรีเกจด้วย)
>>โฮกุฮีลได้ เสริมค่าสเตตัสได้ดี(แต่สุ่ม)
โมสาร์ท
>>เฉพาะสกิล1และ3ที่มีความสำคัญ
พาราเรซัส(ถ้าได้ปรับสกิล3แล้วจะเก่งขึ้นมาก)
>>เฉพาะสกิล2และ3ที่มีความสำคัญ
-----------------------------------
ติดตามผลงานอื่นได้ใน
ติดตามคลิปรีวิว/อื่นๆได้ใน