วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562

Elizabeth Bathory กับความเป็นจริงที่แสนคลุมเครือ


     หายหัวไปนานกับคอลัมน์เรื่องราวในประวัติศาสตร์กับผู้คนที่อยู่ในรายชื่อเซอร์แวนท์ รอบนี้กลับมาในตีมที่เตรียมพร้อมเข้าสู่เทศกาลฮาโลวีนกันหน่อย ซึ่งเจ้าของประวัตินี้ก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับตีมนี้พอดิบพอดีเพราะเธอคือสตรีที่ถูกเรียวกว่าเป็นปีศาจกระหายเลือดแห่งยุคกลาง Elizabeth Bathory


รูป Elizabeth Bathory ตามประวัติศาสตร์

     Elizabeth Bathory จัดว่าเป็นบุคคลที่มีคนรู้จักในฐานะคนที่โหดร้าย ทารุน และเหี้ยมโหดว่าเธอคือสตรีที่ชื่นชอบการฆ่าและทรมานนักโทษ รวมถึงหลงใหลในการอาบน้ำด้วยเลือดเป็นชีวิตจิตใจ เรื่องราวนี้แน่นอนว่าทุกคนต้องรู้จักกันดี และอุปกรณ์สุดโหดที่ทุกคนคุ้นหูก็คือไอออนไมเดนนั่นเอง

     ประวัติของเธอนั้นจะมีหลายคนๆคงทราบกันเป็นอย่างดีจากที่มีการลงไว้ในสื่อต่างๆ ทว่าวันนี้ผมไม่ได้มาเล่าเรื่องอะไรที่มันเหมือนกับชาวบ้านสักหน่อย เรื่องที่ผมอยากจะเล่านั้นคือเรื่องที่หลายๆคนตั้งข้อสงสัยในปัจจุบัน ว่าสรุปแล้วอลิซาเบท บาโทรีนั้นเป็นคนวิกลจริตหรือปีศาจกระหายเลือดจริงอย่างที่เล่ากันหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่คนบริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้าย หลายๆคนคงคิดว่าอ่าว...ไหงงั้นล่ะ? แต่ที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่มีอยู่ตามประวัติศาสตร์อยู่แล้ว

     ตัวBathoryมีสามีชื่อว่า Ferenc Nadasdy ซึ่งหายนานเป็นสิบปีเพราะต้องออกรบซึ่งพอกลับมาFerenc ดันติดโรคประหลาดมาจากสมรภูมิ(นึกถึงตอนที่ผมเล่าถึงไนติงเกลได้ไหมว่าสนามรบมันน่ากลัวขนาดไหน)ทำให้อาการทรุดลงเร็วมากภายในปีเดียว ก่อนตายได้ฝากฝังตระกูลของเขาและฝากดูแลภรรยากับเพื่อนรักที่เป็นคนใหญ่คนโตในฮังการี Gyorgy Thurzo

     หลังจากที่ Ferenc จากไป ประมาณ 3 ปี เริ่มเกิดข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับ Bathory ตรงนี้ผมไปค้นคว้ามาแล้ว ปรากฎว่าไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่า ข่าวลือพวกนี้ต้นตอมาจากไหน ใครเป็นคนปล่อยกันแน่ แต่ที่แน่ๆ Thurzo ได้สั่งให้ตำรวจราชสำนัก 2 นายสืบเกี่ยวกับ Bathory และปราสาท Čachtice โดยใช้การพูดคุยกับชาวบ้านละแวกนั้นว่าพบเห็นสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ และในที่สุดGyorgy Thurzo คนนี้แหละที่เป็นคนบุกเข้าไปจับกุม Elizabeth Bathory ที่ปราสาท



แต่ก็ดันมีสิ่งที่ทำให้หลายคนสงสัยเพราะ
  1. ว่ากันว่ามีพยานถึง 300 ปากเลยทีเดียว ทว่ามีพยานที่ได้รับการบันทึกปากคำเป็นลายลักษณ์อักษรเพียงแค่ 13 ปากเท่านั้น ที่เหลือตำรวจบอกว่าเป็นการพูดคุยเฉยๆ(อ่าว)
  2. Thurzo บอกราชาMatthiasว่า ตอนที่เขาบุกเข้าจับกุม เขาเห็น Elizabeth Bathory กำลังทรมานนักโทษอยู่พอดี แต่คำบอกเล่านี้ ไม่มีพยานคนอื่นรู้เห็น(แหม่งๆไหมล่ะ พยานบุคคลยังไม่มีเลย)
     และหลังจากจับ Bathory มาที่ราชสำนักก็ลงโทษเลย สังเกตไหมว่าอะไรหายไป นั่นก็คือ ขั้นตอนการพิจารณาคดีนั่นเอง และนี่เป็นเหตุให้หลายๆคนตั้งข้อสงสัยว่าเธอถูกปรักปรำ ซึ่งอันที่จริงในยุคนั้นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ประมาณว่าเหม็นขี้หน้าใครก็ใส่ความ่าเป็นพ่อมดหมอผีซะ จากนั้นพอคนที่ถูกใส่ความโดนจับทรมาณเสร็จก็ถูกเผาตายตามระเบียบ แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นวีรกรรมในยุคกลางที่เหลือไว้ให้อนุชนรุ่นหลังด่ากันอย่างมันส์ปาก เอาเป็นว่าด้วยความที่เธอเป็นขุนนางใหญ่ไอ้การจับมาเผานี่คงจะเป็นการไม่ให้เกียรติกับตระกูลของเธอ ซึ่งก็เลยทำให้เธอต้องถูกจองจำจนตายไปเอง



     ส่วนเหตุผลในการกำจัดตระกูลBathory นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียทีเดียวเพราะ ในช่วงนั้นที่ Ferenc ตาย Thurzo ได้ไต่เต้าจนดำรงตำแหน่งขุนนางในเวลาไม่นาน แต่การที่เขาจะเป็นใหญ่กว่านี้นั้นทำไม่ได้เพราะมีตระกูล Bathory ที่เป็นตระกูลใหญ่ของประเทศเป็นก้างขวางคอ ซึ่งราชาในสมัยนั้นเองก็เกรงกลัวในอำนาจของตระกูลนี้พอสมควร ทั้งสองปิดดีลด้วยการร่วมมือกันจัดการ Elizabeth Bathory เสียเลย

     อีกเรื่องคือเรื่องหนี้สินของพระราชาMatthiasที่กู้ยืมBathoryมาเพื่อทำสงคราม พอสงครามจบ ก็ประสบปัญหาในการใช้คืนเรียกง่ายๆว่าราชาถังแตกน่ะแหละ จุดนี้ก็ถือว่าเป็นแรงจูงใจอีกส่วนหนึ่ง และการที่Bathory เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่มีสิทธิอันชอบธรรมนี้ ก็เลยหาเรื่องใส่ความเพื่อเบี้ยวหนี้ไปซะเลย แน่นอนว่าช่วงนั้นเทรนฮิตคือแม่มด ก็ใส่ความไปว่าเป็นแม่มด หมอผี หรือปีศาจไปเลยก็ได้ จากนั้นก็ลงโทษตามสเต็ป

     และแน่นอนว่าความเป็นจริงนั้นเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ไอ้คนที่ถูกใส่ความว่าเป็นแม่มด หมอผี หรือปีศาจในยุคกลางน่ะ ถ้าแม่มดมีจริงจะถูกต้องจริงๆสักกี่คนล่ะครับ ถ้าคุณเป็นแม่มดจริงๆแล้วคุณจะอยู่ให้จับทำไมล่ะ? พูดง่ายๆก็คือมั่วน่ะแหละ ซึ่งทั้ง ThurzoและราชาMatthiasเองต่างก็มีแรงจูงใจให้กำจัดตระกูลBathoryออกไปทั้งคู่ ดังนั้นหลักฐานที่บันทึกจากทั้งสองนั้นจึงเชื่อได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น

     ทว่าความจริงนั้นก็ไม่มีใครทราบ เพราะผมเองก็ไม่อาจรู้เพราะผมก็ย้อนเวลาไปดูเหตุการณ์ต่างๆในอดีตไม่ได้เสียด้วยสิ

     จบกันแค่นี้เหรอ? ใช่สิ จบกันแค่นี้แหละครับ ไว้พบกันไหมคราวหน้าถ้ามีเวลาและมีไอเดียเด็ดๆครับ

SaltAdmin

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น